ความสุขของคนเราเอาอะไรมาวัด ? เราว่าไม้บรรทัดวัดความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ออสเตรียทำให้ความสุขของเราพุ่งกระฉูดจนไม้บรรทัดวัดไม่พอ อยากเสริมสร้างทักษะความสุขของชีวิตให้พุ่ง ตามเรามาเที่ยวออสเตรียกันค่ะ 🙂

เรามีเวลา 4 วัน 4 เมือง และ 96 ชั่วโมงในออสเตรีย ประเทศที่เราจินตนาการว่าจะเงียบสงบ และอยากมาเยือนสักครั้ง เราเลือกออสเตรียเป็นประเทศแรกที่เราจะได้เจอในยุโรปครั้งแรกของเรา 🙂 เริ่มต้นด้วย เวียนนา ฮัลล์สตัทท์ ซาวเบอร์ก อินส์บรุค โดยจะเล่าเรื่องที่เที่ยวก่อน แล้วจะมาเขียนเรื่องการเตรียมตัวเพิ่มเติมให้ตอนท้ายนะคะ
24 ชั่วโมงแรก ณ เวียนนา
เวียนนา เมืองที่โคตรชิล เราไปช่วงหน้าร้อน สิ่งที่ชอบที่สุดอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาคนอื่น แต่การมานอนเล่นในสวนสาธารณะ ดูคนออกมาเต้นรำ นั่งเมาส์ อ่านหนังสือกัน ดูจะเป็นชีวิตในอุดมคติ เป็นสิ่งที่เราชอบมาก มายุโรปเพื่อมานอนในสวนสาธารณะว่ะ ถ้าบอกใครไปคงดูน่าหมั่นใส้ แต่ลองไปดูมันดีมากจริงจริ

มหาวิหารเซนต์สตีเฟน หรือ ชเตฟันสโดม(St. Stephan’s Cathedral, Stephan Dom)
เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิกในอัครมุขมณฑลเวียนนา และเป็นที่ตั้งอาสนะของอาร์ชบิชอปแห่งเวียนนา สถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นแบบโรมานเนสก์ และ กอทิก ริเริ่มโดยรูดอล์ฟที่ 4 ยุกแห่งออสเตรีย โบสถ์ที่อุทิศให้กับนักบุญสตีเฟนในบริเวณนี้มาตั้งแต่ปี 1147




ที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี บริเวณรอบข้างจะมีร้านซื้อของฝาก มีนักดนตรีเปิดหมวกให้ฟังเพลินๆ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ เป็นย่านที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นชิลๆ มาก ยิ่งช่วงซัมเมอร์อากาศดีแบบนี้ เดินได้ทั้งวันเลยค่ะ



หลังจากเดินจนไม่มีแรงเดินแล้ว เราก็นั่งรถรางรอบเมืองเวียนนา นั่งไปเรื่อยๆวนรอบ วันแรกของเราหลังจากนั่งเครื่องมานานก็มีอาหารง่วง แต่ไม่อยากเข้าไปนอนที่โรงแรมเลยเลือกมานอนเล่นในสวนสาธารณะ Burggarten กลับกลายเป็นว่าชอบที่นี่มาก เป็นสวนสาธารณะที่คนออกมาใช้ชีวิตกันเต็มที่ ครอบครัวมาปิคนิคกัน คู่รักมานั่งคุยกัน เพื่อนมาแฮงเอาท์กัน มานั่งอ่านหนังสือในสวน เป็นกิจกรรมหน้าร้อนที่น่ารักดี หาไม่ได้ในประเทศไทย ( เพราะร้อนมากเหลือเกิน)







24 ชั่วโมงแรกของเราสั้นมาก อยากมีเวลาอยู่ที่เวียนนาให้มากกว่านี้ แต่ง่วงมากไปเที่ยวต่อไม่ไหว ปิดท้ายวันด้วยพิซซ่า และเบียร์ ในราคาแค่ 8 EUR ~ 300 บาท ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับค่าครองชีพในเวียนนา



ปิดท้ายวันด้วยการพักที่ Wombats City Hostel Vienna – The Lounge
จองล่วงหน้าผ่านทราเวลโลกาได้เลย นอนหลับแบบสนิทมาก เพื่อนร่วมห้องก็น่ารักมากด้วย



ห้องพักเป็นโฮสเทล พักห้องละ 4 ท่าน เตียงสองชั้น มีห้องน้ำภายในห้องเลย ค่อนข้างสะดวกมาก และโลเกชั่นดีเลยค่ะ ห่างจาก Westbahnhof Train และ Underground Station ด้วยการเดินเพียงแค่ 5 นาที แถมเช็คอินเสร็จมีวอชเชอร์เครื่องดื่มให้ด้วย แต่เสียดายด้วยเดินทางมาอย่างยาวนานเลยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ คนที่พักที่นี่ส่วนใหญ่เป็นวันรุ่น ข้างล่างมีบาร์นั่งแฮงเอาท์ชิลชิลได้ ตอนเช้ามีบริการอาหารเช้า กาแฟ ขนมปัง บริการฟรีค่ะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท/เตียง
เราจองที่พักผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองเป็น booking.com แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 6-12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ จ่ายค่าห้องตอนเข้าพักได้เลย ได้เงินคืนเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหลังการเดินทาง 75 วันค่ะ
การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองเวียนนา สามารถซื้อตั๋วรถไฟแบบรายเที่ยวเข้าเมืองได้เลย มีตู้กดใช้ง่ายสะดวกเหมือนซื้อตั๋วบ้านเรา


24 ชั่วโมงที่สอง ณ ฮัลล์สตัทท์

ฮัลล์สตัทท์ เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ (Lake Hallstatt) หรือ ฮัลล์สตัทท์เทอร์ ซี (Hallstatter See) ทะเลสาบในเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut) ภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรีย เมืองฮัลล์ทัทท์ (Hallstatt) เมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก สวยจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภาพของหมู่บ้านที่มีเทือกเขาเป็นองค์ประกอบอยู่ด้านหลังเป็นภาพที่ถูกเผยแพร่มากที่สุดของประเทศออสเตรีย และเป็นหนึ่งในภาพที่ติดตาพวกเรานานหลายปี คิดไว้ว่าเราต้องไปที่นี่ให้ได้ ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่ง และแล้ววันนั้นก็มาถึง !!


อยากให้ทุกคนที่มายุโรปต้องใส่ฮัลล์สตัทไว้ในแพลนเลย เพราะที่นี่มันดีมากกว่าที่เราคิดไว้ซะอีก เรานอนที่นี่ 1 คืน เพื่อได้สัมผัสความเป็นฮัลล์สตัทท์ของจริง ได้อยู่ในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินให้ว่อน ใด้ดูพระอาทิตย์ค่อยๆตก ได้กินกาแฟตอนพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น ในเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะมอบเวลาทั้งหมดให้ที่นี่คอยเยียวยาร่างกาย ( แนะนำให้ค้างคืนนะคะ นอนเถอะคุ้มเงินที่เสียไปแน่แน่)

จุดชมวิวมหาชน เดินจากที่พักขึ้นเหนือไป 270เมตร อยู่บนถนน Gosaumühlstraße รูปถ่ายทั้งหลายที่เคยเห็นว่าสวยงามแล้ว ไม่เท่าเห็นด้วยตาของเราเองจริงๆ ถึงจะเป็นจุดมหาชนที่คิดว่าต้องมีคนเยอะมาแน่แน่ แต่กลับกลายมีแค่เราและช่างภาพจีนอีกคนแค่นั้นเอง นี่แหละข้อดีของการนอนที่นี่ คนมาเที่ยวฮัลล์สตัทท์ส่วนใหญ่ชอบมาแล้วกลับเพราะเห็นว่าเป็นเมืองเล็กๆ เดินแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็จบแล้ว อันนั้นก็เรื่องจริงแหละ แต่ส่วนตัวเราว่าเสน่ห์ของมันคือความเล็ก สงบ เงียบ ได้เดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน ขึ้นเคเบิลคาร์ไปดูเหมืองเกลือ นั่งเรื่อยเปื่อยนั่นแหละดีที่สุดแล้ว




Town Square เป็นจตุรัสเล็กๆกลางเมือง อยู่ใกล้ๆบริเวณท่าเรือ ใกล้โบถส์ ถ้าเดินทางทางเรือต้องผ่านจุดนี้อยู่แล้ว อยู่กึ่งกลางระหว่างมุมมหาชน และทางไปขึ้นรถราง สวนทั้งกลางวันและกลางคืน


จุดชมวิวบนภูเขาเกลือ (Salzberg) ที่เราจะสามารถมองเห็นหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์จากมุมสูงที่ 1,200 ฟุต จุดชมวิว Skywalk เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นและชอบวิวพาโนรามาของเทือกเขาอัลไพน์ จุดชมวิวที่ยื่นจากหน้าผาสูงทำให้เหมือนกับว่าเราเดินบนอากาศเหนือหลังคาหมู่บ้านมรดกโลกฮัลล์สตัทท์ ถ้ากลัวความสวยอาจจะตื่นเต้นนิดหน่อย แต่เราว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก ต้องเช็คอินค่ะ
การเดินทาง: การเดินทางขึ้นมาบนหอคอยรูดอร์ฟ&สกายวอร์ค มีรถรางขึ้นเขาค่ะ ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋วแยกเฉพาะค่ารถไป-กลับขึ้นมาชมวิว หรือซื้อตั๋วรวมค่ารถไป-กลับ+เหมืองเกลือค่ะ ถ้าแข็งแรงแล้วก็มีเวลามากพอจะเดินแทรกกิ้งขึ้นตามเส้นทางเดินขึ้นเขาก็ได้ค่ะ ~ 1 ชม. แต่เราขอนั่งรถรางดีกว่า ข้อเข่าไม่ค่อยจะดี !!





ปิดท้ายอาหารเย็นต้องเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ ปลาเทราท์ พร้อมบรรยากาศวิวตอนพระอาทิตย์ตกริมน้ำ โอ้ย บรรยากาศตอนนี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
การเดินทางจากเวียนนา (From Vienna)
– 4 ชั่วโมงโดยรถไฟ 19 EUR ~ 700 บาท
– ประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ โดยรถยนต์จากเวียนนา
ตารางรถไฟ: OBB (ตารางรถไฟออสเตรีย)
เดินทางไปฮัลล์สตัทท์ด้วยรถไฟง่ายมากค่ะ ไม่ว่าเราจะเดินทางจากซาลล์บรูกหรือเวียนนา เราต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานีเดียวกันคือสถานี Attnang-Puchheim (จากสถานี Salzburg Hbf ประมาณ 46 นาที, จากสถานี Westbahnhof เวียนนาใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นขบวน RegionalExpress ต่อไปยังเมืองฮัลล์สตัทท์ อีกประมาณ 1 ชม. ครึ่ง เมื่อถึงสถานีรถไฟฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ให้นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฝากมาเมืองฮัลล์สตัทท์ค่ะ
ที่พัก พักที่ไหนดี ยังยืนยันว่าควรจะมานอนที่นี่ 1 คืน
ทะเลสาบ Hallsatter (Hallstätter See) มีเมืองเล็กล้อมรอบ 4 เมืองนะคะ แต่ที่ดังๆ ที่เป็นที่นิยม ก็คือ Hallstatt และ Obertraun การมาเที่ยวที่นี่จะพักที่อื่นก็ได้ แต่เราว่าพักที่นี่แหละดีที่สุด เราพักที่ Gasthof Simony เนื่องด้วยจองทริปกระทันหันที่พักจึงเต็มไปเกือบหมดเลยไม่มีตัวเลือกมากนัก แต่ก็ถือว่าได้ที่พักที่โอเคเลยค่ะ single room ราคา 50 EUR ถือว่าราคาดีสุดในละแวกนั้น อยู่ในโลเคชั่นดีมากด้วย แค่ต้องแบกกระเป๋าลากขึ้นชั้นสามแบบไม่มีลิฟต์ T_T ( ราคานี้ไม่มีวิวทะเลสาบนะคะ)


โรงแรมรวมอาหารเช้าแล้วค่ะ
- เราจองที่พักผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองเป็น booking.com แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 6-12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ จ่ายค่าห้องตอนเข้าพักได้เลย ได้เงินคืนเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหลังการเดินทาง 75 วันค่ะ!
24 ชั่วโมงที่สาม ณ ซาวเบอร์ก

ก่อนไปถึง salzburg เราแวะเที่ยวระหว่างทาง ที่ St. Wolfgang im Salzkammergut เมืองพักผ่อนริมทะเลของออสเตรีย
St. Wolfgang im Salzkammergut
ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองผักผ่อนริมชายหาด ส่วนใหญ่เค้าจะมาเที่ยวทะเล ล่องเรือ ส่วนเรามานั่งรถไฟนั่งขึ้นเขาไปชมวิวข้างบน







การเดินทางจากเวียนนา นั่งรถไฟมาลงที่ Bad Ischl ซึ่งเป็นชุมทางรถไฟที่เดียวในระแวกนั้น ที่ใกล้ที่สุดแล้ว จากนั้นก็ต่อรถบัสสาย 546 ระหว่างรอรถบัสเรามีเวลาเดินเที่ยวละแวกนี้ บรรยากาศดีมากเหมือนกัน ถ้ามีเวลาช่วงต่อรถลองมาเดินเล่นดูนะคะ



Salzburg ซาลซ์บูร์ก บ้านเกิดของ Mozart จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ Salzburg นั้นคงต้องเริ่มต้นที่ริมแม่น้ำ Salzach ที่ไหลผ่านกลางเมืองที่ 2 ข้างทางนั้นมีบรรยากาศที่ร่มรื่นรายล้อมไปด้วยอาคารน่ารักๆสไตล์คลาสสิคที่น่าเดินเล่นมากๆและวิวที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยก็คือ ปราสาท Festung Hohensalzburg ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาใจกลางเมือง เราพักที่นี่ 1 คืน โดยการเลือกที่พักวิวที่ดีที่สุด แต่เนื่องจากอ้อยอิ่งจากที่อื่นเลยมาถึงที่ในเมืองช้า และฝนตก เลยมีเวลาเที่ยวน้อยมากมาก


เรามาถึงที่นี่ด้วยสภาพฝนตกและหนาวมาก จองที่พักไว้บนเขา เพราะอยากเห็นวิวเมืองทั้งตอนอาทิตย์ขึ้น อาทิตย์ตก และช่วงกลางคืน แต่ฝนตกทำให้การแบกเป้ใบใหญ่เดินขึ้นเขาตอนฝนตก และอากาศหนาวมากมากเป็นเรื่องไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ T_T เราเลยเปลี่ยนแผนใหม่ กลายเป็นไม่ไปไหนเลยในเมืองนี้ นอกจากนั่งชมวิวพร้อมกินสตรอเบอร์รี่ชมวิวของเมือง

บรรยากาศสวยทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน





สามารถเข้าชมบ้านโมสาร์ทได้อีกด้วย จองบัตรล่วงหน้า คลิกที่นี่ และยังมีอีกหลายกิจกรรมในออสเตรียที่สามารถเลือกได้ตามที่ชอบ เข้าไปชมกิจกรรมที่ชอบ คลิกที่นี่

เราพักที่ Stadtalm Naturfreundehaus เพราะอยากชมวิว แน่นอนเลยว่าบรรยากาศดีมาก แต่แลกมาด้วยกับการเดินทางที่ไกลจากสถานีรถไฟมากมากเช่นกัน เราใช้วิธีฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่สถานีรถไฟ แล้วแบ่งกระเป๋าใบเล็กมานอนที่นี่ เป็นโฮสเทล ราคาคืนละ 700 บาท ตกแต่งแบบมีไสตล์ และวิวดีมากมาก


เสียแต่ว่ามาถึงตอนเย็นที่ลิฟปิดแล้วเลยต้องเดินขึ้นบรรใดมาแทน ขึ้นมาถึงก็คุ้มค่าบรรยากาศดีจนไม่อยากไปเที่ยวที่ไหนอีก ที่โรงแรมมีร้านอาหารให้บริการด้วยค่ะ ฝากท้องไว้ที่นี่ได้เลย
24 ชั่วโมงที่สี่ ณ อินส์บรุค
INNSBRUCK เมืองเล็กๆสีพาสเทลในอ้อมกอดภูเขาหิมะ ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ ซึ่งสามารถมองเห็นยอดเขาสูงได้แก่ นอร์ดเคทเทอ อยู่ทางตอนเหนือของเมือง เป็นเมืองน่ารักมากอีกเมือง









หลังจากติดใจสวนสาธารณะที่เวียนนาแล้ว เราก็ไม่พลาดที่จะแวะเข้าไปเยือนสวนสาธารณะในเมืองอื่นๆ




การเดินทางจาก Salzburg – Innsbruck ( 14 EUR ~ 500 บาท )เราเดินทางด้วยรถไฟ รักรถไฟยุโรปมาก ครอบคลุมทุกเส้นทาง ตรงเวลา สะอาด และราคาไม่แพง ยุโรปเที่ยวง่ายก็เพราะมีขนส่งมวลชนที่ดีนี่แหละ
การเตรียมตัวไปออสเตรีย
- ตั๋วเครื่องบิน จองผ่าน www.traveloka.com เลยค่ะ มีโปรโมชั่นโคดมาบ่อยและตั๋วถูกทำให้เราไปญี่ปุ่นได้หลายหลายรอบ มีระบบบันทึกข้อมูลสมาชิก ทำให้การจองไม่ต้องใส่ข้อมูลใหม่ กันพลาด จองได้เร็วทันโปรโมชั่นเสมอเลยค่ะ หมายเหตุ ** จองผ่าน app มือถือนี่ถูกไปอีกนะคะ ชั้นแนะนำให้โหลด App Traveloka เอามาติดมือถือไว้โดยด่วน
- โรงแรม เราจองที่พักผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองเป็น booking.com แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 6-12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ จ่ายค่าห้องตอนเข้าพักได้เลย ได้เงินคืนเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหลังการเดินทาง 75 วันค่ะ
- จองกิจกรรมท่องเที่ยว ตั๋วเข้าชมต่างๆ สามารถจองผ่าน traveloka ได้เลยค่ะ มีกิจกรรมเยอะมากให้เลือก และมีอัพเดทกิจกรรมใหม่ๆเข้ามาตลอด ดูกิจกรรมที่ชอบได้ คลิกที่นี่
- วีซ่าต้องเป็นวีซ่าเชงเก้น ถามว่ายากไหม เราว่าไม่ยาก เตรียมเอกสารให้พร้อม มีแผนการเดินทางที่ชัดเจน มีเงินในบัญชีเพียงพอที่จะใช้ในทริปทั้งหมด แค่นี้ก็ผ่าน ( เดี๋ยวมาเขียนเพิ่มวิธีการขอวีซ่าเชงเก้น สำหรับฟรีแลนด์ค่ะ)
- ค่าครองชีพแพงมั้ย เราว่าที่ออสเตรียค่าครองชีพไม่แพงเลย ถูกกว่าญี่ปุ่นด้วยซ้ำ เฉลี่ยแล้วใช้เงินไปไม่เยอะมาก
- การจองตั๋วรถไฟภายในออสเตรีย สามารถใช้การจองออนไลน์ได้จากเว็บไซค์ https://www.oebb.at/en/ ซึ่งเป็นเว็บไซค์ของประเทศออสเตรีย จองง่าย สะดวก มีวอชเชอร์ยืนยันการจอง จะโชว์จากมือถือก็ได้ หรือปริ้นไปก็ได้เช่นกันค่ะ


เที่ยวยุโรปรอบหน้า ลองใส่ออสเตรียเข้าไปในแพลนดูนะคะ 🙂 เป็นประเทศที่น้อยแต่มากมีคามสุขทุกเสี้ยวนาทีที่อยู่ประเทศนี้เลยค่ะ
Leave a Reply