ความสนุกอีกอย่างของการเดินทาง คือความสัมพันธ์ระหว่างทาง รอบนี้เราหนีทะเลใต้จากกระบี่มุ่งลิ่วไปแดนตำบักหุ่งภาคอีสาน กับการท่องเที่ยวชุมชนบ้านหนองส่าน จ.สกลนคร ภูผา ผืนนา ป่าล้อม ย้อมคราม ที่ที่มีแต่ความอบอุ่น

สกลนครอันแรกที่เราคิดถึงคือคนสกลนครกินหมา ฮ๋าๆ ไปสกลนครครั้งแรกเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน ภาพในหัวที่เราคิดคือจะมีหมาหันย่างหมุนๆริมถนนเต็มไปหมด ( อารมณ์เหมือนไก่หมุนตามข้างทาง เวลาไปต่างจังหวัด นึกออกป่ะ ) ตอนนั้นเราอยากกินหมามาก อยากลองว่ามันเป็นยังไง แต่ความจริงแล้วไม่มีว่ะ ไม่มีหมาให้กิน ไม่มีหมาหันหมุนๆริมถนน (เสียใจมาก) แต่สกลนครกลับเต็มไปด้วยร้านโคขุนโพนยางคำ หมูยอรสเด็ด และที่เรารักมากอีกอย่างคือข้าวเกรียบปากหม้อ เอาวะ สกลนครครั้งแรกก็เกินความคาดหมายมากมาก ห่างจากสกลนครไป 8 ปี รอบนี้เป็นการมาเที่ยวแบบจริงจัง 2 วัน 1 คืน



แรงดึงดูดของหนองส่านที่กระชากเรามา คือการย้อมคราม เป็นช่วงที่สนใจเรื่องการย้อมครามมากเป็นพิเศษ แถมเบื่อมากด้วยอยากไปไหนสักที่โดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เห็นทาง local a like ออกแคมเปญท่องเที่ยวชุมชนพอดี๊ บุพเพของเราจึงได้ออกเดินทางมาที่นี่ หนองส่านและเราเลยได้พบกัน


หนองส่าน เป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ใน ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร ถ้าจะเล่าเรื่องหนองส่านให้จบแบบสั้นๆ ก็คือชุมชนแห่ง “ภูผา ผืนนา ป่าล้อม ย้อมคราม” เป็นชุมชนที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้แบบธรรมาชาติมากมาก กินแบบธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบธรรมาชาติ ประกอบอาชีพจากสิ่งที่ธรรมาชาติให้ ธรรมชาติสร้างชุมชน ชุมชนจึงช่วยกันรักษาธรรมชาติ 2 วัน 1 คืน ดูเหมือนจะสั้นสำหรับการมาเที่ยวที่นี่ เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ตามคอนเสป ภูผา ผืนนา ผ่าล้อม ย้อมคราม




กิจกรรมบ้านหนองส่าน
- ทำกับข้าวพื้นบ้าน จากส่วนประกอบรอบบ้านมาทำอาหารตามวิถีหนองส่าน
- เดินป่า หาเห็ด เล่นน้ำตก
- พิธีบายศรี สู่ขวัญ แบบอีสาน
- ย้อมคราม
- work shop ทำบายศรี
การเดินทางมาหนองส่านก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร เพราะมีทั้งนกแอร์ แอร์เอเชีย บินตรงไปลงสกลนครทุกวัน หรือจะใช้การเดินทางด้วยรถบัสก็มีวิ่งกันให้ควั่ก เรียกได้ว่าอยากมาตอนไหนก็มาได้ เราเริ่มต้นไปสกลด้วยไฟล์เช้าตรู่เพื่อให้ได้มีเวลาเที่ยวเต็มที่ในเวลาที่มี
มาถึงสกลสิ่งแรกที่ต้องทำนั่นก็คือการกินนั่นแหละ 🙂 ทางทีม Local alike พาเรามาทานที่ร้าน “เลิศรสไข่กระทะ” หลังจากไม่ได้มาอีสานมานับปีการได้กลับมาแถบนี้เหมือนการได้เจอเพื่อนเก่า เพื่อให้หายกับความคิดถึงเราเลยจัดหนักแบบเต็มอิ่มเลย 🙂






เติมท้องแล้วก็ต้องไม่พลาดเติมใจให้เต็มที่ ด้วยการไปนมัสการวัดพระธาตุเชิงชุม วัดคู่บ้านคู่เมืองของสกลนคร





ก่อนจะนั่งรถยาวยาวไป 40 กม. หลับๆไปแปเดียวพร้อมตื่นมาเจอรอยยิ้มของ พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา ที่เราขอเรียกว่าที่นี่คือ “ครอบครัวบ้านหนองส่าน”


อากาศร้อนดับได้ด้วยน้ำใจที่มาในรูปแบบน้ำสมุนไพรเย็นในกระบอกไม้ไผ่ รอต้อนรับทุกคนที่เดินทางมาถึง ก่อนจะแยกย้ายเก็บของและเริ่มกิจกรรมแรกของวัน วันนี้เราจะพักกับชาวบ้านจริงๆ ลักษณะเหมือนการมาเที่ยวโฮมเสตย์นั่นแหละ ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกสูง พี่พี่เตรียมมุ้งเตรียมที่นอนให้เราอย่างดี เราว่าเป็นบ้านเก่าที่เก๋ามาก





001 ผืนนา ( ซุปเปอร์มาเก็ตกลางทุ่งนา )
เราเดินทางจากบ้านพักไปโสมนัสฟาร์มด้วยรถอิแต๋น แอ๋น แอ๋น กันไปเรื่อยๆ ผ่านทุ่งนา ผ่านถนนลูกรัง สนุกดี กิจกรรมแรกของเราคือการทำอาหารด้วยตัวเอง


แต่จะบอกว่าด้วยตัวเองทั้งหมดก็จะดูไม่เต็มปาก ขอเรียกว่าเป็นลูกมือทำอาหารให้ป้าป้าเขาแล้วกัน 🙂 เพราะเอาจริงเราก็ทำไรไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ ถ้าให้ทำเองทั้งหมดก็คงทานกันไม่ลง สงสารผัก ฮ่า




ความคูลของกิจกรรมนี้คืออาหารมื้อนี้ทั้งหมดเป็นการทำจากส่วนประกอบรอบรอบบ้าน มะละกอที่ปลูกเอง กล้วยข้างบ้าน ปลาในคลอง หน่อไม้ในป่า ข้าวจากท้องนา เรียกได้ว่าทุกอย่างมาจากการทำเกษตรแบบผสมผสาน เหมือนมีซุปเปอร์มาเก็ตส่วนตัวกลางทุ่งนา ไร่โสมนัสจึงทำให้ผู้มาเยือนเต็มไปด้วยความโสมนัสสมชื่อ










002 ป่าล้อม ( เดินป่า หาเห็ด เล่นน้ำตก )

ป่าล้อมคือการมีป่าล้อมรอบ เป็นความสมบูรณ์ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้ หลังจากอิ่มมาเต็มแน่น ช่วงบ่ายจึงเป็นการเดินป่าศึกษาธรรมชาติกันค่ะ



ระหว่างทางก็ได้เจอบ้านพักของชาวบ้านที่ล้อมรอบไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ ผลไม้ตามต้นไม้ เห็ดกลางป่า ต้นไม้แปลกๆ ที่แน่นอนหาเจอไม่ได้ตามท้องถนนกรุงเทพ








โดยจุดหมายของปลายทางนี้คือ “น้ำตกวังป่าเจียง” น้ำตกที่เป็นแหล่งน้ำกลางป่า เรามาช่วงหน้าแล้งน้ำเลยค่อนข้างน้อยแต่ก็ไม่ได้น้อยเกินกว่าที่จะใช้ได้อย่างพอเพียง



003 บายศรีสู่ขวัญ ( รับขวัญเจ้าสู่บ้านหนองส่าน )
หลังจากทำกิจกรรมมาทั้งวัน ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันทุกคน ช่วงเย็นทีมงานบ้านหนองส่านจึงจัดพิธีบานศรีสู่ขวัญต้อนรับพวกเรา เป็นเหมือนการรับขวัญของแขก และเป็นการแสดงการต้อนรับไสตล์ชาวอีสาน


พิธีผูกข้อมือ ให้พร จากคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นลูกหลานเค้าจริงจริง





หลังจากจบพิธีก็เป็นเวลาที่เรารอคอยสุดๆ นั่นคืออาหารเย็น ตอนเที่ยงได้ทานไปแล้วติดใจ มื้อเย็นก็จัดมาให้อย่างเต็มที่ น้ำพริกกับหน่อไม้บ้านหน่องส่านนี่ยังไม่มีที่ไหนมาล้มลงได้ อร่อยจนเกินพอดี อร่อยจนกินหน่อไม้หมดไปเป็นสิบไร่ล้าววว ปิดท้ายของวันด้วยอาหารที่ดีแบบนี้ อากาศกลางคืนกำลังเย็นสบาย เราสามารถนอนได้โดยไม่ต้องมีแอร์ ไม่มีพัดลม เป็นการหลับที่ทิ้งตัววางใจได้เหมือนได้อยู่บ้านตัวเอง
ตื่นมาตอนเช้าด้วยแสงอ่อนๆ เสียงใบไม้ปลิว ลมเย็นๆ พร้อมกับการเอาน้ำแปะหน้าล้างขี้ตานิดหน่อยเราก็ออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านรอตักบาตรตามวิถีชาวบ้าน ที่นี่จะเป็นการตักบาตรข้าวเหนียวคล้ายๆหลวงพระบาง มีคุณพ่อคุณแม่มารวมตัวกันตักบาตรหน้าบ้านตามวิถีดั้งเดิม




เราตักบาตรเสร็จได้มีเวลาเดินเล่นรอบรอบหมู่บ้านนิดหน่อย ก่อนอาบน้ำและทานอาหารเช้า อากาศตอนเช้ายังไม่ร้อนเดินได้เพลินๆ ชาวบ้านที่นี่โคตรน่ารัก เราสามารถเดินคุยได้กับทุกคนเหมือนเคยเจอกัน 🙂








004 ทำบายศรีจากใบตอง

กิจกรรมนี้เราไม่ถนัดเอามาก เลยขอช่วยพี่พี่กรีดใบตอง ถ่ายรูปและนั่งรอดีกว่า กลัวจะเสียของ บายศรีที่ทำมาจากธรรมชาติล้วนๆ บายศรีที่ทำมาจากวัสดุข้างบ้าน นี่เป็นอีกเรื่องที่ตอกย้ำเราให้เห็นความสำคัญในการใช้ชีวิตพอเพียง กินตามของที่มี มีวิถีตามครรลอง และหลังจากนั่งโม้จนอิ่มทุกคนก็มีบายศรีเป็นของตัวเองสำหรับไว้ประในวัดประจำหมู่บ้าน



005 ย้อมคราม



กิจกรรมท้ายสุดในทริปนี้และเป็นกิจกรรมที่เราตั้งใจมาที่นี่ ที่นี่จะปลูกต้นครามเองและเก็บเกี่ยวนำมาย้อมผ้า ทุกขั้นตอนเป็นการทำด้วยวิธีดั้งเดิม ธรรมชาติ ปลอดสารเคมี สำหรับวิธีการทำผ้ามัดย้อมคราม จะเริ่มจาก การนำ ต้นคราม มาผ่านกระบวนการให้เป็น “ครามเปียก” และผ่านการ “ก่อหม้อ” ซึ่งจุดนี้ เป็นขั้นตอนที่ละเอียดซับซ้อนน่าดู จนเสร็จสิ้นมาเป็น หม้อคราม พร้อมสำหรับย้อมผ้าได้




จึงจึงขั้นตอนการย้อมคราม ที่มาและความสำคัญป้าป้าเล่าให้ฟังครบทุกรายละเอียด ซึ่งเราบอกเลยว่าจำไม่ได้ เพราะมัวตื่นเต้นกับการทำผ้าครามของตัวเอง จนลืมจดและลืมถ่ายภาพมา ( น่าตีจัง ) และเราก็ได้ผ้าครามลายส้มปอย ซึ่งเราทำเองทุกขั้นตอนกลับบ้านไป ด้วยลายงงงง เป็นลายที่มีหนึ่งเดียวในโลก ที่ถ้าจะนำไปขายก็ไม่น่าจะมีใครอยากซื้อเท่าไหร่ ( เอาน่า ทำเต็มที่แล้วแหละ บอกตัวเอง !! )

จบกิจกรรม 2 วัน 1 คืนนี้ทริปนี้ ก่อนกลับยังได้แจ่วบองกลับบ้านไปอีกด้วย ( นี่กินแจ่วบองเค้าหมดหมู่บ้าน !! ) การเดินทางแต่ละทริปเราว่าทุกที่มันสนุกเหมือนกันหมด แตกต่างกันแค่ว่าในทริปนั้นๆนอกจากเราจะได้เดินทางแล้วเราได้ความสัมพันธ์แบบไหนติดตัวกลับมา ซึ่งทริปนี้แน่นอน เราได้รับความอบอุ่นเหมือนกลับมาบ้าน บ้านที่เราเพิ่งเคยได้มาครั้งแรก และเป็นบ้านที่เราอยากกลับมาอีกหลายๆครั้ง
อยากไปเยือนหนองส่านแบบเรา ติดต่อได้ที่ คุณหมิว .. “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน จ.สกลนคร” (https://www.facebook.com/bannongsan)
Leave a Reply