หน้าหนาวที่คนไม่ชอบเที่ยว หน้าหนาวที่คนส่วนใหญ่โฟกัสไปที่ฮอกไกโด หน้าหนาวที่สวย สงบ ธรรมชาติ คนน้อย หน้าหนาวนี้ที่เราเลือกมาที่นี่ Yamagata , Tohoku เป็นหน้าหนาวที่โคตรอบอุ่น และหน้าหนาวที่สวยตรึงใจมาก



ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) โทโฮกุ แปลตรงตัวว่า “ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ” คือภูมิภาคที่อยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอะโอโมริ (Aomori), จังหวัดอะคิตะ (Akita), จังหวัดอิวะเตะ (Iwate), จังหวัดมิยะงิ (Miyagi), จังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) และจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) ภูมิภาคนี้ยังไม่ได้รับความนิยมจากคนไทยมากนัก แต่เราถือว่าเป็นข้อดี เพราะความสงบและความสดของธรรมชาติและที่เที่ยวแต่ละอัน ทำให้เราเลือกจิ้ม Yamagata ในการเดินทางในทริปญี่ปุ่นรอบที่เจ็ดของเรา
แผนการเดินทาง
แพลนเรากำหนดไว้คล่าวๆว่าจะไปไหนบ้าง เน้นใช้เวลาเต็มที่ในแต่ละจุดเลยวางแพลนไว้เที่ยวแค่วันละที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถปรับเพิ่มเติมได้ตามความชอบส่วนตัวนะคะ จะรวมแพลนแล้วเที่ยวควบกันไปเลยก็ได้
Day 1 BKK – Tokyo – Yamagata
Day 2 Zao MT.
Day 3 Ginzan onsen
Day 4 Yamadera Temple – Sendai – Tokyo
Day 5 Tokyo – BKK
การเตรียมตัว
- ตั๋วเครื่องบิน ให้บินลง Tokyo หรือ Sendai แต่ตั๋วบินลงโตเกียวถูกกว่าเราเลยเลือกบินลงโตเกียว และใช้ pass ซึ่งต้องใช้อยู่แล้ว เดินทางไป yamagata จะได้กลับมาชอปปิ้งที่โตเกียวก่อนกลับด้วย ( จองผ่าน shopback แล้วเลือกสายการบินที่ต้องการเดินทาง ได้เงินคืน 1% ด้วยค่ะ)
- โรงแรม เราจองที่พักผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองเป็น booking.com แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 6-12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ จ่ายค่าห้องตอนเข้าพักได้เลย ได้เงินคืนเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหลังการเดินทาง 75 วันค่ะ
- การเดินทงภายในญี่ปุ่น เราใช้ตั๋วรถไฟ JR East Tohoku Area การนั่งรถไฟเจอาร์ (รวมรถไฟชินคันเซ็น และรถไฟด่วนพิเศษในญี่ปุ่น) ใช้ได้ในแถบคันโต และโทโฮคุ ซึ่งสามารถนั่งรถไฟสาย JR East train ได้ทั้งหมดแบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว เริ่มนั่งได้ตั้งแต่สนามบินนาริตะและฮาเนดะ และนอกจากนี้ยังสามารถนั่งรถไฟสายท้องถิ่นบางขบวนที่ไม่ใช่รถไฟ JR ได้อีกด้วย เช่น บริเวณ Izu และ Nikko ระยะเวลา 5 วันแบบยืดหยุ่น สามารถใช้วันไหนก็ได้ภายใน 14 วัน นับจากวันที่ไปแลกตั๋ว เราแนะนำให้ซื้อจากที่ไทยจะดีที่สุด เพราะถ้าซื้อในญี่ปุ่นราคาจะบวกเพิ่มอีก 1,000 เยน เป็น 20,000 เยน ซึ่งซื้อที่ไทยเพียง 19,000 เยน เท่านั้น ( ประมารณ 5,500 บาท)
- เที่ยวเวลาการเดินทางของรถไฟก็ใช้ www.hyperdia.com เหมือนเดิม เพราะว่าเราไม่ได้กำหนดเวลาเป้ะเป้ะขนาดนั้นเลยใช้การเช็คเวลารถไฟจาก hyperdia อีกทีแล้วสลับแพลนเอาหน้างานค่ะ
- การแต่งกาย เราเดินทางช่วงกุมภาพันธ์ หิมะขาวฟูแน่นมาก อากาศโคตรหนาว เพราะฉะนั้นเสื้อหนาวต้องแน่นหน่อยค่ะ หมวก ที่ปิดหู ถุงมือ รองเท้า ช่วยได้มาก ตอนเราไปไม่มีที่ปิดหู เธอเอ๊ยหูจะขาด เข้าใจมาตลอดว่าที่ปิดหูคือแฟชั่น ไม่ใช่เลยจ้ามันจำเป็นต่อชีวิตมาก
เริ่มต้นเดินทาง
Day1 BKK – Tokyo – Yamagata
จากสนามบิน แลกตั๋ว JR เรียบร้อยแล้วก็ใช้งานได้เลย ตั๋ว JR East Tohoku สามารถใช้ได้ 5 วันแบบไม่ติดต่อกัน สามารถจัดการแพลนเดินทางเองได้เลย


Zao MT ( Snow Monster )
เป้าหมายหลักของการมา Yamagata ของเราคือการมาดูปีศาจหิมะ เกิดจากการที่หิมะตกใส่ต้นไม้ปกคลุมทั้งต้นทั่วบริเวณภูเขา ให้ความรู้สึกเหมือนปีศาจหิมะสีขาวยืนเต็มภูเขา




จากสถานีรถบัส เดินไปทางขวามือน่าจะประมาณ 1 กม. เพื่อขึ้น Zao Ropeway วันที่เราไปคนเยอะพอควรเลยต้องใช้เวลาต่อคิวอยู่ประมาณ 30 นาที ตอนมาถึงฟ้ายังสดใส ตอนต่อคิวฟ้าเริ่มครึ้ม พอขึ้น ropeway ฟ้าขาวมาเลยจ้า




เมื่อขึ้นไปถึงข้างบน จากที่จะไปดูปีศาจ กลายเป็นปีศาจมาเยือนเราค่ะ เพราะว่าพายุหิมะถล่มทุกพื้นที่กลายเป็นสีขาวไปหมด จากจะไปดูปีศาจหิม ตัวเราเลยกลายเป็นปีศาจแทนเพราะแค่เดินออกไปสองนาที ทั้งร่างกายก็มีหิมะเต็มตัว มือชา แขนขาชาไปหมด หิมะตกแรงเหมือนโดนข้าวสารเสก
ด้วยการที่มาถึงแล้วก็อยากรอ เราเลยไปนั่งรอข้างในร้านอาหาร กะว่าจะรอจนกว่าฟ้าจะเปิด รอไปหลายชั่วโมง ฟ้าก็ไม่เปิด เลยกลับมาซดมาม่าแล้วนั่งรถบัสหอบความหนาวเย็นกลับบ้านไป



การเดินทาง จะเดินทางจาก miyaki , sendai หรือ yamakata ก็ได้เหมือนกันค่ะ เราเดินทางจาก yamagta ด้วยรถบัส ค่าตั๋วรถบัสเที่ยวละ ¥1,000 ซื้อพร้อมตั๋วขึ้น zao เลยก็จะเป็นยอดรวม ¥4,100 รถมีชั่วโมงละคัน ตั้งแต่ 6.50 – 18.40
เวลารถบัส ขาไป 6.50 / 7.40 / 8.40 /9.40 / 10.20 /11.20 /12.20/ 13.20 / 14.20 / 15.20 / 16.20 /17.40 /18.40
เวลารถบัส ขากลับ 7.50 / 8.40 / 9.40 / 10.40 / 11.20 / 12.20 /13.20 / 14.20 / 15.20 /16.20 /17.20 /18.40 /19.40



Ginzan Onsen
หมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆกลางหุบเขา ประวัติยาวนานกว่า 100 ปี โดยหมู่บ้านนี้เดิมที เป็นหมู่บ้านเหมืองแร่มาก่อน หลังปิดการทำเหมืองไป ก็กลายมาเป็นหมู่บ้านออนเซ็นอย่างเดียว ได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ บรรยากาศหมู่บ้านที่เหมือนหลุดมาจากสมัยเอโดะ ( ซึ่งเราก็ไม่รู้นะว่าสมัยเอโดะเป็นยังไง ) แต่มาที่นี่แล้วเราว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆน่ารัก มีความเป็นเหมือนญี่ปุ่นแบบโบราณ เหมือนหลงเข้ามาอยู่ในอีกยุคนึงจริงๆ รีวิว ginzan onsen แบบละเอียดคลิกเลยจ้ะ




ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือตอนหิมะตก จากตอนแรกที่แอบเสียใจว่าหิมะตกฟ้าปิด กลายเป็นว่าตอนที่สวยที่สุดของที่นี่คือตอนที่หิมะตกหนักๆ บรรยากาศเหมือนอยู่ในเทพนิยายและชั้นเป็นนางเอก !! ( แต่ขาดพระเอกนี่แหละ )
ใช้เวลาเดินเที่ยว แวะกิน แวะช้อป จริงๆแค่ประมาณ 1 -2 ชั่วโมงก็ทั่วบริเวณ Ginzan Onsen แล้ว แต่ถ้าใครอยากจะไปใช้บริการแช่น้ำพุร้อนแบบชั่วคราวก็สามารถทำได้ หรือจะพักค้างคืนก็ได้แต่ต้องทำการจองล่วงหน้านานพอสมควรค่ะ หรือถ้าจะไปลองแช่เฉพาะเท้า Ashiyu 足湯 ก็มีบริการให้แบบฟรีๆชมวิวได้ด้วยค่ะ
การเดินทาง
1. นั่งรถไฟสาย JR Ou 奥羽線 จาก สถานี Yamagata ลงที่สถานี Oishida ใช้เวลา 47 นาที ค่ารถไฟ 650 เยน
2.ต่อรถบัสด้านหน้าสถานีต่อไปอีก -~40 นาที สุดสายที่ Ginzan Onsen ค่ารถ 690 เยนต่อเที่ยว
เวลารถบัส
Oishida Station-Ginzan Onsen 5 เที่ยว/วัน เวลา 9.50,12.35,14.10,15.55,17.45
Ginzan Onsen-Osishida Station 7 เที่ยว/วัน เวลา7.05,8.25,10.35,13.25,14.55,16.35,18.21



Yamadera Temple
ที่นี่เป็นคำตอบของความพยายามเพราะต้องเดินผ่านบันใดกว่า 1,000 ขั้น เพื่อขึ้นไปชมวัดที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ความสนใจเราไม่ได้อยู่ที่วัดที่เก่าแก่หรอก แต่อยู่ที่จุดชมวิวบนวัดข้างบนเนี่ยโคตรพีค
“Yamadera Temple (山寺)” นั้นแปลตามตัวได้ว่า “วัดภูเขา (Mountain Temple)” หากเรียกชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ “Risshakuji Temple (立石寺)”
การเที่ยว Yamadera สำหรับเราเป็นอะไรที่น่าสนุกนะคะ ดูธรรมชาติไป ปีนเขา เนื่องจากเป็นช่วงหิมะตก บางช่วงจึงมีแต่หิมะเกาะบันบันใด ทำให้เดินยากมาก เราลื่นสไลด์ก้นจ้ำบ๊ะไปหลายรอบ แต่เทียบกับวิวที่ได้นี่ก็คือดีงามมากค่ะ ชอบบรรยากาศของคนญี่ปุ่นที่มาเดินไฮกิงเบาเบากัน


ถ้าไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็เผื่อเวลามาเยอะเยอะนะคะ เที่ยวแบบนี้ไม่เหมาะกับความรีบเร่ง เพราะเราควรมีเวลาในการเก็บชมบรรยากาศระหว่างทางให้เต็มที่
ค่าเข้า ¥300
เวลาทำการ 8:00 – 17:00 น. (ไม่มีวันหยุด)
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Zensan Line มาลงที่สถานี Yamadera และเดินอีกประมาณ 5 นาที

Sendai
จริงๆเราแวะ sendai เพราะอยากมาทานลิ้นวัวย่าง เมนูโปรด ความดีค่ะมีร้านอยู่ในสถานีรถไฟเลย แวะเปลี่ยนรถไฟแล้วทานลิ้นวัวย่างให้อิ่มได้อย่างสบายๆ ไม่มีปัญหาเรื่องสัมภาระ ร้านดังมีอยู่ 2 ร้าน ซึ่งร้านอยู่ติดกัน เราเลยสุ่มเลือกไปร้านเนิง ชื่อร้าน Kisuke ให้คะแนน 10 10 10 เลยค่ะร้านนี้ ลิ้นวัวหนานุ่นกรุบกรอบเด้งลิ้นดีมาก ได้กินลิ้นวัวแล้วร่างกายอบอุ่นหายหนาวจากหิมะขึ้นมาทันที





Tokyo
โตเกียวเหมือนเพื่อนสนิท ถึงจะไม่เจอกันนานเท่าไหร่ กลับมาเจอกันใหม่เราก็ต่อกันติด วันสุดท้ายของทริปเราจึงฝากชีวิตในที่ที่คุ้นเคย เดินเล่น ชอปปิ้ง กินอาหารอร่อย อร่อย
โตเกียวช่วงกุมภาพันธ์ คนไม่เยอะ อากาศหนาวเที่ยวสนุก เป็นช่วงท้ายฤดูของหน้าหนาว ของเซลล์หน้าหนาวมาลดราคา และเราว่าอากาศหนาวทำให้เรากินอาหารได้อร่อยขึ้น !! ( เกี่ยวมั้ย ) กิจกรรมหลักในวันนี้ก็คือการกิน เราชอบพักที่ asakusa เพราะที่พักถูก เดินทางไปสนามบินสะดวก เดินทางไปย่านอื่นๆก็ง่าย เราเคยคุ้นเคยกับละแวกนี้ และเลือกมาพักแถวนี้ทุกครั้ง รอบนี้ตระเวนหาร้านอาหารใหม่ๆมาแนะนำ ปักหมุดไว้ไว้ 2 ร้านที่ห้ามพลาดตามนี้เลยค่ะ
001 Asakusa imahan ชาบูเจ้าอร่อยประจำโตเกียว

เป็นร้านชาบู/สุกี้ยากี้ติดลำดับใน tabelog ของเมืองโตเกียวเลยจ้า เนื้อวากิวนิ่มๆ หอมละมุนติดลิ้น พร้อมน้ำซุปรสพิเศษ ( Special price กับ lunch set 🙂 ราคาเริ่มต้นแค่ 1,500 JPY


รายละเอียดเพิ่มเติม
เวลาทำการ: 11:30 am – 9:30 pm ( lunch set 11.30 – 15.00)
ช่วงเที่ยงคนจะเยอะต้องรอคิว ตอนแรกพนักงานบอกว่ารอประมาณ 1 ชั่วโมง แต่จริงๆแล้วรอแค่ ~15 นาที ก็ได้ทานแล้ว เราไปประมาณเที่ยงได้เป็นคิวที่ 3 ไม่มีการแจกบัตรคิว รอแล้วต้องนั่งอยู่ในแถวเท่านั้น ออกไปไหนไม่ได้จ้า !!
ราคา: มื้อกลางวัน – 3500 เยน, Hyakunen gyuudon – 1,500 เยน
Website: www.asakusaimahan.co.jp/english
เบอร์โทร 03 – 38411114 ( โทรจองได้ แต่ต้องขั้นต่ำ 2 ท่าน จึงจะสามารถจองโต๊ะได้ค่ะ )
ที่อยู่: 3-1-12 Nishiasakusa, Taito-ku, Tokyo
002 Isomaru Suisan เป็นร้านที่ต้องไปโดนเมื่อไปญี่ปุ่น
อากาศหนาวๆ หลบลมหนาวไปนั่งกินปิ้งย่างในร้านชอปปิ้งเสร็จดึกขนาดไหนก็กินได้ดี๊ดี เพราะว่าร้านเปิด 24 ชั่วโมง ไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ลองไปทานดูนะคะ มีสาขาทั่วญี่ปุ่นเลย สะดวกตรงไหนไปทานตรงนั้นได้เลยค่ะ 🙂 ส่วนเราทานแถว asakusa ค่ะมีสองสาขา หาไม่ยาก


ที่นี่มีเมนูหลากหลาย อาหารทะเลสดสด ซูชิ ซาซิมิ ครบครัน อยากทานอะไรมาที่นี่ที่ได้ได้ทานครบเลย ราคาไม่แรงแต่รสชาติ อร่อยแรงมากมาก เมนูที่ห้ามพลาดเลยก็คือ กระดองปูมิโซะย่างทริปนี้ถ้าเป็นละครก็เป็นละครที่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งอ่ะแก ญี่ปุ่นทำให้เวลาเราไหลเร็วกว่าปกติ 5 วัน หมดเร็วมากจนไม่อยากกลับบ้าน แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปทำงานหาเงินมาเที่ยวทริปใหม่ เอาเป็นว่าเจอกันอีกเรื่อยๆนะญี่ปุ่น

Leave a Reply