เมืองเล็กๆริมทะเลสาบ ฉากหน้าเป็นแม่น้ำฉากหลังเป็นภูเขา มีโบถส์และบ้านหน้าตาน่ารักรายล้อมรอบ เมืองที่เค้าว่ากันว่าโคตรโรแมนติก เมืองที่เค้าว่ากันว่าเป็นสถานที่แห่งความฝัน ฮัลล์สตัทท์แห่งออสเตรีย กับเวลา 24 ชั่วโมงที่มอบช่วงเวลาล้านความสุขให้แก่เรา

ฮัลล์สตัทท์ เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ (Lake Hallstatt) หรือ ฮัลล์สตัทท์เทอร์ ซี (Hallstatter See) ทะเลสาบในเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut) ภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรีย เมืองฮัลล์ทัทท์ (Hallstatt) เมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก สวยจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภาพของหมู่บ้านที่มีเทือกเขาเป็นองค์ประกอบอยู่ด้านหลังเป็นภาพที่ถูกเผยแพร่มากที่สุดของประเทศออสเตรีย และเป็นหนึ่งในภาพที่ติดตาพวกเรานานหลายปี คิดไว้ว่าเราต้องไปที่นี่ให้ได้ ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่ง และแล้ววันนั้นก็มาถึง !!




ทริปนี้เป็นทริปยุโรปยาวสองอาทิตย์ของเรา เราเลือกออสเตรียมาอยู่ในทริปเพราะอยากมาที่นี่ อยากให้ทุกคนที่มายุโรปต้องใส่ฮัลล์สตัทไว้ในแพลนเลย เพราะที่นี่มันดีมากกว่าที่เราคิดไว้ซะอีก เรานอนที่นี่ 1 คืน เพื่อได้สัมผัสความเป็นฮัลล์สตัทท์ของจริง ได้อยู่ในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินให้ว่อน ใด้ดูพระอาทิตย์ค่อยๆตก ได้กินกาแฟตอนพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น ในเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะมอบเวลาทั้งหมดให้ที่นี่คอยเยียวยาร่างกาย ( แนะนำให้ค้างคืนนะคะ นอนเถอะคุ้มเงินที่เสียไปแน่แน่)

ช่วงกลางวันคือช่วงที่สวยมากของที่นี่ แต่ช่วงที่โคตรสวยเลยคือช่วงตอนเช้าและตอนกลางคืนนี่แหละ ยิ่งมากับแฟนนี่ยิ่งโคตรฟินเลยค่ะ



เที่ยวที่ไหนบ้าง ?
ออสเตรียมีที่เที่ยวน่าเที่ยวเยอะมาก เราไป VIENNA – SALZBURG – INNSBRUCK – HALLSTATT ทั้งหมด 4 เมืองมีเวลาแค่เมืองละ 24 ชั่วโมง
เวียนนา เมืองที่โคตรชิล เราไปช่วงหน้าร้อน สิ่งที่ชอบที่สุดอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาคนอื่น แต่การมานอนเล่นในสวนสาธารณะ ดูคนออกมาเต้นรำ นั่งเมาส์ อ่านหนังสือกัน ดูจะเป็นชีวิตในอุดมคติ เป็นสิ่งที่เราชอบมาก มายุโรปเพื่อมานอนในสวนสาธารณะว่ะ ถ้าบอกใครไปคงดูน่าหมั่นใส้ แต่ลองไปดูมันดีมากจริงจริงSalzburg ซาลซ์บูร์ก บ้านเกิดของ Mozart จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ Salzburg นั้นคงต้องเริ่มต้นที่ริมแม่น้ำ Salzach ที่ไหลผ่านกลางเมืองที่ 2 ข้างทางนั้นมีบรรยากาศที่ร่มรื่นรายล้อมไปด้วยอาคารน่ารักๆสไตล์คลาสสิคที่น่าเดินเล่นมากๆและวิวที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยก็คือ ปราสาท Festung Hohensalzburg ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาใจกลางเมือง เราพักที่นี่ 1 คืน โดยการเลือกที่พักวิวที่ดีที่สุด แต่เนื่องจากอ้อยอิ่งจากที่อื่นเลยมาถึงที่ในเมืองช้า และฝนตก เลยมีเวลาเที่ยวน้อยมากมาก

INNSBRUCK เมืองเล็กๆสีพาสเทลในอ้อมกอดภูเขาหิมะ ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ ซึ่งสามารถมองเห็นยอดเขาสูงได้แก่ นอร์ดเคทเทอ อยู่ทางตอนเหนือของเมือง เป็นเมืองน่ารักมากอีกเมือง

แต่ขอยกให้ที่นี่ HALLSTATT เป็นเมืองที่ถูกใจมากที่สุด ( ที่ไม่มีแม้แต่รูปตัวเองเลยสักภาพ )
จุดเช็คอิน มาที่นี่ต้องไปที่ไหนบ้าง?
1) จุดชมวิวมหาชน เดินจากที่พักขึ้นเหนือไป 270เมตร อยู่บนถนน Gosaumühlstraße รูปถ่ายทั้งหลายที่เคยเห็นว่าสวยงามแล้ว ไม่เท่าเห็นด้วยตาของเราเองจริงๆ ถึงจะเป็นจุดมหาชนที่คิดว่าต้องมีคนเยอะมาแน่แน่ แต่กลับกลายมีแค่เราและช่างภาพจีนอีกคนแค่นั้นเอง นี่แหละข้อดีของการนอนที่นี่ คนมาเที่ยวฮัลล์สตัทท์ส่วนใหญ่ชอบมาแล้วกลับเพราะเห็นว่าเป็นเมืองเล็กๆ เดินแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็จบแล้ว อันนั้นก็เรื่องจริงแหละ แต่ส่วนตัวเราว่าเสน่ห์ของมันคือความเล็ก สงบ เงียบ ได้เดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน ขึ้นเคเบิลคาร์ไปดูเหมืองเกลือ นั่งเรื่อยเปื่อยนั่นแหละดีที่สุดแล้ว



บรรยากาศตอนเช้า


บรรยากาศตอนสาย

บรรยากาศตอนเย็น

บรรยากาศตอนกลางคืน

2) Hallstatt Lutheran Church โบสถ์ประจำเมืองสัญลักษณ์เมืองฮอลสตัทท์ ด้วยความสูงของโบสถ์ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนของเมืองก็มักจะมองเห็นยอดโบสถ์นี้เสมอ ด้านหลังโบสถ์ที่ติดทะเลสาบมีเก้าอี้นั่ง สนามหญ้าและชิงช้าสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ



3) จุดชมวิวบนภูเขาเกลือ (Salzberg) ที่เราจะสามารถมองเห็นหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์จากมุมสูงที่ 1,200 ฟุต จุดชมวิว Skywalk เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นและชอบวิวพาโนรามาของเทือกเขาอัลไพน์ จุดชมวิวที่ยื่นจากหน้าผาสูงทำให้เหมือนกับว่าเราเดินบนอากาศเหนือหลังคาหมู่บ้านมรดกโลกฮัลล์สตัทท์ ถ้ากลัวความสวยอาจจะตื่นเต้นนิดหน่อย แต่เราว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก ต้องเช็คอินค่ะ







การเดินทาง: การเดินทางขึ้นมาบนหอคอยรูดอร์ฟ&สกายวอร์ค มีรถรางขึ้นเขาค่ะ ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋วแยกเฉพาะค่ารถไป-กลับขึ้นมาชมวิว หรือซื้อตั๋วรวมค่ารถไป-กลับ+เหมืองเกลือค่ะ ถ้าแข็งแรงแล้วก็มีเวลามากพอจะเดินแทรกกิ้งขึ้นตามเส้นทางเดินขึ้นเขาก็ได้ค่ะ ~ 1 ชม. แต่เราขอนั่งรถรางดีกว่า ข้อเข่าไม่ค่อยจะดี !!
ข้างบนมีร้านอาหารที่มีอาหารท้องถิ่นหลากหลายเมนู จะจิบกาแฟกับทานเค้กแบบโฮมเมดเพลินๆ ชมวิวไปด้วยก็แฮปปี้มาก แต่ต้องเผื่อเวลาหน่อยค่ะเพราะข้างบนมีให้เดินเล่นเยอะเหมือนกัน เผลอแปปเดียวรถรางจะหมดแล้ว ~








4) เหมืองเกลือฮาลล์สตัทท์ Hallstatt Salt Mine (Salzwelten)
ในอดีต HallStatt เป็นเมืองที่มีความร่ำรวยจากการทำ “เหมืองเกลือ” ซึ่งถือได้ว่าเป็นเหมืองเกลือภูเขาแห่งแรกของโลกเลยจ้า ปัจจุบันแม้จะไม่ได้ทำเหมืองเกลือเป็นหลักแล้วแต่ยังคงอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบของพิพิทธภัณฑ์เหมืองเกลือให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ที่ชอบสุดในเหมืองเกลือ มีสไลเดอร์แบบโบราณที่สร้างตั้งแต่ปี 1734 สนุกมาก(เปิดให้บริการ เมษายน – ตุลาคม ช่วงหน้าหนาวไม่ได้เปิดให้เข้าชมนะคะ เช็ควันเปิดก่อนเดินทางอีกทีนะจ้ะ)


การซื้อตั๋ว มีสองแบบ
1) ตั๋วรถราง ขึ้น – ลง
2) ตั๋วเข้าชมเหมืองเกลือ
สำหรับใครที่อาจมีเวลาไม่มากแนะนำให้ซื้อเฉพาะตั๋วรถราง ขึ้นมาชมวิวตรง skywalk และก็เดินเล่นข้างบนก็พอ เพราะเหมืองเกลือใช้เวลานานมากกก ถ้าไม่อินกับการทำเหมืองก็ไม่ต้องเข้าก็ได้ค่ะ เพื่อนเราที่เคยไปแล้วก็ชอบนะ แต่เราเข้าเหมืองเกลือแล้วเฉยๆ ชอบเอาเวลามาเดินเล่นรอบๆมากกว่าค่ะ
หมายเหตุ : ถ้าจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า ราคาจะถูกลงหน่อย การจองจะต้องเลือกรอบที่จะเข้าชมเหมืองเกลือเลย จองได้ที่ >>> https://www.salzwelten.at/en/hallstatt/mine/ จองแล้วอย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับขึ้นรถรางไต่เขาและจากรถรางต้องเดินต่อไปยังเหมืองเกลืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมงด้วยค่ะ เพราะจากจุดรถรางต้องเดินไปไกลเหมือนกัน ส่วนเราเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยเรื่องเวลาตอนเที่ยว เลยไม่ได้จองล่วงหน้าไปค่ะ ใครที่เที่ยวแบบเวลาเป้ะเป้ะ 6 – 7 – 8 / 8 – 9 -10 ก็จองไปก่อนได้นะจ้ะ




5) Town Square เป็นจตุรัสเล็กๆกลางเมือง อยู่ใกล้ๆบริเวณท่าเรือ ใกล้โบถส์ ถ้าเดินทางทางเรือต้องผ่านจุดนี้อยู่แล้ว อยู่กึ่งกลางระหว่างมุมมหาชน และทางไปขึ้นรถราง










6) รอบๆหมู่บ้าน ความจิ๋วแต่แจ๋วรวมทั้งหมดกันอยู่ที่นี่เดินไปทางไหนก็น่ารักไปหมด บ้านไม้อัลไพน์กับริมทะเลสาบและภูเขาเข้ากันอย่างลงตัว เรามาช่วงเดือนมิถุนายน ถือเป็นหน้าร้อน อากาศยังเย็นสบายๆเหมาะสำหรับการเดินเล่น ดูหงส์เล่นน้ำ ดูบ้านน่ารักน่ารัก










การเดินทางมาฮัลสตัท
จากซาลล์บรูก(From Salzburg)
– 2 ชั่วโมง 15 นาทีโดยรถบัส
– 2.5 ชั่วโมงโดยรถไฟ + เรือข้ามฟากสั้น
– 1 ชั่วโมงและ 15 นาทีโดยรถยนต์
เดินทางจากซาลล์บรูกโดยรถบัสก็จะเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถไฟนิดหน่อย และรถจะจอดที่เมืองฮัลล์สตัทท์เลย แต่การเดินทางโดยรถไฟก็ไม่ยากนะคะ เราก็เดินทางด้วยวิธีนี้ ชอบนั่งรถไฟมากกว่ารถบัส เพียงแต่ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มโดยการนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลสาบจากสถานีรถไฟฮัลล์สตัทท์ ชื่อสถานี Bahnhof Hallstatt สถานีตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบกับเมืองฮัลล์สตัทท์ เราจะได้เห็นมุมตรงข้ามตอนนั่งเรืออีกด้วย (เรือข้ามฟากราคาคนละ 4 ยูโร )
การเดินทางโดยรถบัสแล้วต่อรถไฟจากซาลล์บรวก
การเดินทางด้วยรถบัสแล้วต่อรถไฟจาก Salzburg ไป Hallstatt จะเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียวประมาณ 20 นาที แต่ก็ต้องเปลี่ยนรถถึง 3 ครั้งค่ะ วิธีการก็คือต้องขึ้นรถบัสสาย 150 จากสถานี Salzburg ไปลงที่สถานี Bad Ischl และจากที่นี่ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง Hallstatt โดยเส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. 40 นาที เราว่าว่าการเดินทางด้วยรถไฟน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการเดินทางไปฮาลล์สตัทท์ (Hallstatt) ค่ะ
หมายเหตุ: ที่สถานีรถไฟและสถานีรถบัสฮาลล์สตัทท์ไม่มีที่ฝากกระเป๋านะคะ


จากเวียนนา (From Vienna)
– 4 ชั่วโมงโดยรถไฟ
– ประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ โดยรถยนต์จากเวียนนา
ตารางรถไฟ: OBB (ตารางรถไฟออสเตรีย)
เดินทางไปฮาลล์สตัทท์ด้วยรถไฟง่ายมากค่ะ ไม่ว่าเราจะเดินทางจากซาลล์บรูกหรือเวียนนา เราต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานีเดียวกันคือสถานี Attnang-Puchheim (จากสถานี Salzburg Hbf ประมาณ 46 นาที, จากสถานี Westbahnhof เวียนนาใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นขบวน RegionalExpress ต่อไปยังเมืองฮัลล์สตัทท์ อีกประมาณ 1 ชม. ครึ่ง เมื่อถึงสถานีรถไฟฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ให้นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฝากมาเมืองฮัลล์สตัทท์ค่ะ


พักที่ไหน ?
ทะเลสาบ Hallsatter (Hallstätter See) มีเมืองเล็กล้อมรอบ 4 เมืองนะคะ แต่ที่ดังๆ ที่เป็นที่นิยม ก็คือ Hallstatt และ Obertraun การมาเที่ยวที่นี่จะพักที่อื่นก็ได้ แต่เราว่าพักที่นี่แหละดีที่สุด เราพักที่ Gasthof Simony เนื่องด้วยจองทริปกระทันหันที่พักจึงเต็มไปเกือบหมดเลยไม่มีตัวเลือกมากนัก แต่ก็ถือว่าได้ที่พักที่โอเคเลยค่ะ single room ราคา 50 EUR ถือว่าราคาดีสุดในละแวกนั้น อยู่ในโลเคชั่นดีมากด้วย แค่ต้องแบกกระเป๋าลากขึ้นชั้นสามแบบไม่มีลิฟต์ T_T ( ราคานี้ไม่มีวิวทะเลสาบนะคะ)
เราจองที่พักผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองเป็น booking.com / Agoda /Trip.com ก็ได้ค่ะ แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 6-12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ จ่ายค่าห้องตอนเข้าพักได้เลย ได้เงินคืนเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหลังการเดินทาง 75 วันค่ะ
สุดท้ายไม่อยากให้เป็นแบบที่เค้าว่า แต่เอาให้มาเห็นแล้วบอกเราว่ามันเป็นแบบที่เค้าว่าจริงไหม ?
มามีช่วงเวลาหนึ่งล้านความสุขด้วยกัน มันดีจริง !!
เดี๋ยวจะมีรีวิวทริปนี้ออกมาอีกหลายอัน 🙂 แล้วเจอกันระหว่างทางค่ะ
Leave a Reply