ถ้าเธอถนัดเรื่องไหน เธอก็ควรเจาะลึกเรื่องนั้นให้ลึกที่สุด นี่คงเป็นที่มาของ Roddeeded The Steak House ที่ต่อยอดพัฒนามาจากก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หม้อไฟเนื้อ เนื้อย่าง คร่ำหวอดในวงการเนื้อมายาวนานจนต่อยอดมาที่ร้านน้องใหม่ล่าสุด สเต็กเนื้อไทย เป็นเครือร้านอาหารของเนื้อย่างแท้จริงที่คนรักเนื้อควรมาลอง
รสดีเด็ด The SteakHouse by เฮียนพคนเดิม เราเคยเขียนรีวิว รสดีเด็ดเนื้อย่างบุฟเฟย์ เอาไว้ตามไปอ่านกันได้ค่ะซิส หลังจากติดใจรสเนื้อจากร้านเดิม ได้ข่าวว่ามีขยายไลน์เนื้อมาเป็นร้านสเต็กเนื้อ สายมนุษย์กินเนื้อทางเราก็ไม่พลาด
ได้วันว่างเลยไปลองทันที รีวิวนี้เราใช้บริการวันที่ 6 ตุลาคม 2018 เวลา 12.00 – 13.30 น. ร้านเพิ่งเปิดมาได้ 3 เดือน ถือว่ายังเป็นร้านน้องใหม่มากมาก แต่การบริการจัดการเราว่าสมบูรณ์เลยทีเดียว เนื่องด้วยประสบการณ์การทำร้านอาหารมาหลายร้านของเฮียนพนั่นเอง เข้าไปร้านนั่งเสร็จจะมีน้องๆมารับออ
เดอร์ทันที บรรยากาศในร้านโปร่งๆสบายๆ เปิดเพลงคลอเบาเบา นั่งเพลินๆเมาส์มอยได้เรื่อยๆ
นอกจากเนื้อแล้ว ที่ร้านยังมีเมนูหลากหลาย สลัด สปาเกตตี้ ซุป อาหารทานเล่น เมนูเยอะมาก ส่วนเราแน่ล่ะวันนี้คิดมาจากบ้านแล้วว่าจะฟาดเนื้อให้หนักก่อนจะเริ่มกินเจ เป้าหมายของเราหลังจากเข้าไปในร้านก็คือตู้เนื้อ จุดเด่นของร้านคือเนื้อไทย Dry Aged โดยจะมีตู้โชว์เนื้อที่เราสามารถมาเลือกเนื้อที่ตู้เองได้จะมีชื่อเนื้อและวันที่ระบุเอาไว้ หรือจะเลือกจากเมนูก็สั่งพนักงานเลยก็ได้ค่ะ ถ้าไม่รู้จักเนื้ออะไรมาก หรืองงงงเอ๊ะจะสั่งแบบไหนดี ก็ปรึกษาน้องๆได้เลย น้องจะช่วยธิบายรายละเอียดได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
เนื้อ Dry Aged คืออะไร ?
การ Dry Aged คือการบ่มเนื้อชนิดหนึ่ง ใช้วิธีการการบ่มด้วยการนำเนื้อสัตว์ที่ผ่านการชำแหละแล้วมาแขวนห้อยไว้ในที่ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำประมาณ 1-5 องศาเซลเซียส ที่ความชื้นประมาณ 70-80% ส่วนใหญ่มักนาน 30-45 วัน ไม่ต้องปรุงแต่งใดใด ห้อยทิ้งไว้เฉยๆให้เอ็นไซม์ในเนื้อย่อยสลายเยื่อหุ้มมัดกล้ามที่แทรกตัวอยู่ตามเนื้อแดงด้วยตัวของมันเอง เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างของเนื้อห้นุ่มขึ้น แต่เนื่องจากขั้นตอนการทำจะต้องเสียเนื้อบางส่วนไป ทำให้เนื้อมีราคาสูงขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีการทำเนื้อ Dry Aged เป็นเทคนิคพิเศษของแต่ละคนอีกที แต่ละที่จะมีขั้นตอนแตกต่างกันค่ะ
ส่วนใครอยากใด้เนื้อพิเศษอื่นๆที่ร้านก็มีให้บริการ โดยแยกตู้กันอยู่อีกฝั่ง เข้าไปเลือกเนื้อได้เหมือนกันค่ะ มีตั้งแต่เนื้อธรรมดาไปจนถึงเนื้อญี่ปุ่นเลยจ้า
หลังจากเราเลือกเนื้อแล้ว น้องพนักงานก็จะเอาเนื้อออกจากตู้เข้าไปในห้องเชือด ( จริงๆคือห้องปรุงอาหาร) ซึ่งเป็นห้องกระจกที่เราสามารถเข้าไปดูน้องๆทำสเต็กได้ชัดๆ ได้ชิ้นเนื้อมาแล้วน้องก็จะหั่นเป็นชิ้นตามน้ำหนักที่เราสั่ง เริ่มต้นที่ 100 กรัม/ชิ้น แต่เราแนะนำว่าให้สั่งสัก 200 กรัม/ชิ้น เนื้อจะหนานุ่มย่างมาแล้วกำลังดีกว่า ขนาดเริ่มต้น 100 กรัม จะขนาดเล็กไปหน่อย เนื่องจากเนื้อคุณภาพดีอยู่แล้วหลังจากหั่นแล้วก็ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยอย่างเดียวแล้วย่างบนเตาเลย

ระดับความสุกของเนื้อก็สามารถแจ้งได้ว่าจะเอาความสุกแบบไหน ส่วนตัวปกติชอบทาน medium rare แต่รอบนี้เพื่อนมากินด้วยเลยสั่งมาแบบ medium มาทานค่ะ

สำหรับรอบนี้เราสั่งเนื้อสองแบบมาทาน คือ เนื้อสันนอกซุปเปอร์ และเนื้อริปอายทั้งคู่
- เนื้อสันนอกซุปเปอร์ ราคา 280 บาท/ 100 กรัม ขนาดในภาพ 200 กรัมในภาพราคา 560 บาท
- เนื้อริปอาย Dry Aged ราคา 190 บาท/100 กรัม ขนาดในภาพ 200 กรัมในภาพราคา 380 บาท
เราชอบเนื้อริปอายมากกว่า แต่เพื่อนเราชอบเนื้อสันนอกมากกว่า


สเต็กเสริ์ฟมาพร้อมกับแตงกวา มะเขือเทศ และฟักทองญี่ปุ่นย่าง อย่าว่าแต่เนื้อที่ว่าอร่อย แต่เราว่าผักก็อร่อยมาก ย่างมากำลังดี เนื้อย่างความสุกระดับมีเดียมก็อร่อยเลยค่ะ
เนื้อสันนอก เป็นเนื้อไทยที่เคี้ยวหนึบแต่ไม่ได้เหนียวนะคะ ได้สัมผัสของเนื้อเต็มที่ มันแทรกน้อยกว่าริปอาย เคี้ยวเพลินเพลิน
เนื้อริปอาย เป็นเนื้อที่มีมันแทรกเยอะกว่าสันนอก นุ่มๆลื่นๆคอ มีสัมผัสของเนื้ออย่างเต็มที่ไม่ได้ละลายแบบเนื้อญี่ปุ่น แต่เป็นเนื้อไทยที่มันดีย์มากค่ะซิส น้องปลื้มอันนี้
ส่วนซอสของร้านจะมีสี่รสชาติ คือ แจ่ว พริกไทยดำ ครีมเห็ด ไวน์แดง เรากินแล้วอร่อยทุกอัน ชอบพิเศษคือซอสแบบแจ่ว สาวแซ่บแบบเราคิดว่าเข้ากับเนื้อไทยแบบนี้มาก แต่ส่วนตัวชอบกินเนื้อแบบไม่ใส่ซอสมากกว่า เกลือและพริกไทยที่เค้าปรุงมามันเหมาะสมกับเนื้อดีมากแล้วเด้อ รสเนื้อเต็มปากเต็มคำ เพราะเนื้อที่ร้านเป็นเป็นเนื้อคุณภาพดีที่คัดมาแล้วทั้งนั้น เราเชื่อว่าเนื้อที่ดีจะเป็นเนื้อที่ปรุงรสน้อยที่สุด 🙂

นอกจากสเต็กเนื้อที่เด็ดแล้วที่ร้านก็มีอีกหลายเมนูที่เราได้ลองมารอบนี้ค่ะ
001 กระเพราเนื้อวากิว ( 550 บาท )
ขึ้นชื่อว่าวากิวแล้วก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยซักครั้ง กระเพราวากิวจานนี้เลยรสชาติจัดจ้าน น้องปลื้มเนื้อวากิวนุ่มๆ ผัดกระเพราแบบรสแซ่บ โรยใบกระเพราะทอดกรอบโปะมาพร้อมไข่เป็ดดาวแบบยางมะตูม เอาไข่แดงราดบนเนื้อแล้วคลุกข้าวกิน แม่เจ้า ดีงามเบอร์แรง
ปล.จานนี้ถ้ากินเนื้อเปล่าๆจะมีรสเค็มหน่อยค่ะ กินพร้อมข้าวจะได้รสกำลังดี ถ้าคนไม่ชอบกินเค็มบอกเค้าตอนสั่งได้ให้ลดเค็มลงมานิดนึงค่ะ
002 ซีซาร์สลัด ( 220 บาท )
สายสุขภาพกินเนื้ออย่างเดียวไม่ได้ต้องทานสลัดควบคู่ เพื่อลดความผิดบาปในจิตใจ เป็นซีซาร์สลัดที่ลงตัว จานใหญ่มากมาก ผักสด เครื่องแน่นใส่มาอย่างเต็มเหนี่ยว
003 สปาเกตตี้ผัดพริกแห้งเบคอน ( 220 บาท )
อันนี้ชอบที่ผัดมาแห้งดี ไม่อมน้ำมัน สายเฮลตี้บางเวลาอย่างเราก็เลยประทับจิต ส่วนรสชาติยังไม่เผ็ดร้อนเท่าที่สาวใต้แบบเราจะซี๊ดซ้าดได้ แต่ถามว่าหมดไหม ก็ตอบได้เลยว่าเกลี้ยงจ้า
004 ซุปเห็ดทรัฟเฟิล ( 180 บาท )
ซุปเห็ดหอมมัน อร่อยกำลังดี แต่ต้องรีบกินตอนร้อนๆเลยค่ะอร่อย ถ้ากินตอนเย็นแล้วมันจะมันๆไปหน่อยค่ะ แต่ตอนร้อนๆอุ่นๆนี่ดีงาม
005 เฟรนฟราย ( 80 บาท )
รสชาติกลางๆทานได้เรื่อยๆค่ะ เมาส์มอยไปเพลินๆ กินไปเรื่อยๆก็หมดไม่ทันรู้ตัว
006 ขนมหวาน ลูกตาลลอยแก้ว & สับปะรดในน้ำเสาวรส
อันนี้เกินความคาดหมายสุดๆ ไม่คิดว่าร้านเนื้อจะมีขนมหวานที่อร่อยมาก น้ำแข็งเนื้อเนียนหวานกำลังดี ลูกตาลหอมละมุน ส่วนสับปะรดกับเสาวรสนี่คือโอ้ย ทำไมเข้ากันได้ขนาดนี้ ดีจนอยากได้กลับบ้าน
สรุปทั้งหมดนี้กินไปตอนเที่ยงตอนนี้ห้าทุ่มแล้วยังอิ่มระเบิดระเบ้อเลยค่ะ อาหารจานใหญ่ อิ่ม คุ้ม ดี ไปเดทกับแฟนก็ได้ ไปกินกับเพื่อนเมาส์มอยก็เริ่ด ไปเป็นครอบครัวก็ชิลๆ เป็นร้านเนื้ออีกร้านที่จะคิดถึงเวลาร่างกายต้องการเนื้อ กลับซ้ำแน่นอนค่ะซิส
สรุปคะแนนจากเรา ( ความคิดเห็นส่วนบุคคลนะจ้ะ)
รสชาติ ★★★★
ความคุ้มค่า ★★★★★
ความสะอาด ★★★★★
บรรยากาศร้าน ★★★
การเดินทาง ★★★★
การบริการ ★★★★
รายละเอียดเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 853, 855, 857 Rama 4 Road, Wangmai, Pathumwan (2.23 mi) Bangkok, Thailand ( GPS ร้านรสดีเด็ด The Steak House )
การเดินทาง
MRT สถานีสามย่าน : ออกทางประตู 2 แล้วเดินข้ามแยกตรงไปประมาณ 1กม. ต่อวิน 30 บาท หรือนั่ง Taxi ต่อมาก็ได้ค่ะนิดเดียว
เวลาเปิดบริการ 11.00 -22.00 น.
Leave a Reply