หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเจอรักแรกพบ จนได้ฉายาว่าคือดินแดนแห่งเทพนิยาย เราขอให้คำนายามที่นี่ว่า #สวยเหี้ยๆ สวยจนไม่สามารถอธิบายได้ออกมาเป็นคำพูด แต่อยากให้ชมภาพจิ่วจ้ายโกวให้ชัดๆ สวยติดตา ละมุนจิตใจ เป็นสถานที่ที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุดตั้งแต่พบเจอมาในชีวิตนี้ มันไม่ได้เปลี่ยนสีแค่ต้นเดียว สิบต้น ยี่สิบต้น ร้อยต้น แต่เป็นใบไม้เปลี่ยนสีเป็นพันเป็นหมื่นต้น
ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งเทพนิยาย ที่ไม่ได้ขายฝัน
ชั้นรู้ว่าพวกแกคงคิดว่ามันดูแก่แก่ถูกแมะ มีแต่อาม่า อากงเค้าไปกัน วัยรุ่นคูลคูลแบบเราไม่ไปหรอก แต่เดี๋ยว เราอยากให้พวกเธอเช็คก่อน เปิดดูภาพสักนิด แล้วจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าอาม่าไปทำไมกันนักหนา ที่นี่แหละคือเส้นทางใหม่ที่เหล่าวัยรุ่นไทยต้องไปลุยในปีหน้า จิ่วจ้ายโกวเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2017 ตอนนี้เปิดให้เข้าแล้วแต่จำกัดการเข้าชมอยู่จนถึงปี มกราคม 2019 ถือว่าเป็นช่วงพักฟื้นอุทธยาน เราคาดว่าจิ่วจ้ายโกวจะกลับมาใหม่แบบสดมาก เพราะปีนี้ถึงจะอนุญาติให้เข้าชมได้แต่ก็ให้เข้าชมได้แค่วันละ 2,000 คนเท่านั้น ( อัพเดทวันที่ 1 กค. 2018 จิ่วจ้ายโกวปิดอีกครั้งเนื่องจากดินสไลด์ลงมา ตอนนี้อยู่ในช่วงปรับสภาพเพื่อเช็คความปลอดภัยอีกครั้ง แล้วจะประกาศเปิดให้ท่องเที่ยวอีกครั้งค่ะ ) รอวันเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วไปเที่ยวกัน
จิ่วจ้ายโกว เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ A5 ของจีน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเมื่อปี 2535 ได้รับการกล่าวขานมากมายในความสวยงาม ทั้งชื่อ สวรรค์บนดิน อุทธยานธารสวรรค์ ถึงขนาดที่บอกว่า
มาเยือนจิ่วจ้ายโกวแล้วจะไม่กลับไปมองน้ำที่ไหนอีก !! ( อันนี้จริง น้ำฟ้าใส พร้อมเงาสะท้อนจากภูเขาเปลี่ยนสีมันติดตาเวอร์ อยากจะแงะออกมาจากตาแล้วเก็บเอาไว้ดูเวลาเซ็งจิต)
การเตรียมตัวเบื้องต้นก่อนไปจีน (แพลนการเดินทางอย่างละเอียด inbox ไปขอได้ที่เพจ Goanywhere )
จีนเนี่ยจะว่ายากก็ยาก จะว่าไม่ยากก็แต่ยาก แต่ตอนนี้เราว่าจีนเที่ยวไม่ยากเลยแม้จะพูดจีนไม่ได้ เราเคยไปจีนมาสองครั้ง ครั้งแรกไปแชงกรีล่า เต๋อชิง เมื่อสมัยสาวๆ7-8 ปีก่อน ( ตอนนี้ก็สาวนะยะ อย่าเข้าใจผิด ) จีนยากกว่านี้มาก ตอนนั้นเราซื้อตั๋วรถทัวร์ได้ตั๋วรถไฟอ่ะคิดดู การสื่อสารในจีนแม่งโคตรสนุก แต่เดี๋ยวนี้เที่ยวจีนไม่ได้ยากเลย มีสิ่งอำนวยความสะดวก บ้านเมืองสะอาด ( ไม่นับห้องน้ำ ) เพราะฉะนั้นไปจีนก็ไม่มีอะไรต้องเตรียมตัวมากเท่าไหร่ละ และจีนไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย เกินหวังทุกที สายธรรมชาติต้องบวกจีนเข้าไปในแพลนไปเถอะ อย่าไปกลัวห้องน้ำมัน
- วีซ่า
ไปจีนต้องใช้วีซ่า การขอวีซ่าจีนทำไม่ยาก เดินทางครั้งเดียว 1,500 บาท เดินทางสองครั้งภายใน 2 เดือน 2,500 บาทจ้า ( รีวิววีซ่าจีนแบบละเอียด อ่านแล้วลอกตามได้เลย >> คลิกเลยจ้ะ ) - ห้องน้ำ
เรื่องที่ต้องห่วงมากที่สุดตอนไปจีนคือ ห้องน้ำ ชั้นรู้พวกเธอไม่ค่อยสบายใจ ไม่ค่อยสบายจมูก เอาจริงห้องน้ำในเมืองน่ะโอเคนะ แต่ห้องน้ำแบบระหว่างทาง หรือเมืองบ้านนอกหน่อยๆนี่บอกเลย เละ เละ และโคตรเละ ผสมปนเปกันทุกอย่างที่มี มวลสารรวมอยู่ในนั้น ( ขี้เอย เยี่ยวเอย ทิชชูเอย ผ้าอนามัยเอย )ประดับประดาเหมือนมาประติมากรรมมาตั้งโชว์เลยเมิงข๋า อันนี้ทำใจนะ สิ่งที่ต้องทำคือ น้ำยาหม่องป้ายใต้จมูก ปิดด้วยแมส 1 ชั้น แล้วเอาผ้าพันคอพันทับอีกสักสองรอบ กำทิชชูเปียกให้แน่น สูดหายใจแรงแรงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย เน้นดำเนินการไวแบบ 30 วินาทีข่าวแล้วรีบออกมา วิวสวยสวยแบบโคตรคุ้มรออยู่นะเว้ย อย่าไปกลัว แค่น้ำตาไหลนิดหน่อย ก็เอาผ้ามาซับน้ำตาที่หางตา - โรงแรม
เฉิงตูโรงแรมเยอะมาก แต่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้องจองล่วงหน้าหน่อยเพราะเต็มเร็ว ที่นี่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ทั้งคนจีน ทั้งต่างชาติกรูกันเข้ามาเที่ยว จองก่อนก็จะได้ที่พักดีดีติดทางเข้าจะได้ไม่ต้องเดินไกลมากค่ะ เราจองล่วงหน้าผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองปกติได้เลยค่ะ เช่น booking.com | Agoda | Trip.com | Expedia แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 6 -12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ คุ้มมากค่ะ เงินคืนโอนเข้าบัญชีหลังทางเดินทาง ~75 วัน ได้เงินสดเลยค่ะ - อากาศ
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี คือช่วงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่สวยที่สุด ในรีวิวนี้ก็จะได้ชมถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเช่นกัน ข้อเสียคือสวยมากคนก็เยอะมาก บริษัททัวร์ก็นิยมจัดทัวร์มาจิ่วจ้ายโกวกันเยอะสุด นักท่องเที่ยวเยอะที่สุดและราคาทัวร์แพงที่สุด ช่วงแนะนำคือปลายตุลาคมจะเป็นช่วงพีคที่สุด อยากลาน้อยๆก็แนะนำช่วงวันปิยะ ติดวันหยุดยาวพอดี และใบไม้ก็สวยมากพอดีเช่นกัน ถ้าเลยตุลาคมไปแล้วมีโอกาสเจอหิมะตกสูง 10-30 ตุลาคมเป็นช่วงที่กำลังพอเหมาะ
ฤดูหนาว ช่วงนี้จะเป็นช่วงหิมะและธารน้ำเข็ง ช่วงแนะนำคือ ปีใหม่-เดือนมีนาคม ธารน้ำแข็งกำลังสวย ราคาทัวร์ก็จะถูกที่สุดด้วยเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยว เพราะมันหนาวมาก ช่วงที่พีคสุดคือช่วงตรุษจีนหนาวสุดแต่ก็สวยสุดสุด น้ำตกเป็นน้ำแข็ง อย่างสวย ( นี่ก็อยากไปช่วงนี้มากเหมือนกัน)
ฤดูร้อน พฤษภาคม-เดือนสิงหาคม น้ำในทะเลสาบสีฟ้าตัดกับผืนป่าสีเขียว ช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อย ไม่ได้พีคอะไรมาก แต่ก็คงสวยแบบกรีนๆ เขียวๆ ฟ้าใสใส อากาศแบบเย็นสบายเดินเพลินๆ - อาหาร
เราไม่มีปัญหากับอาหารจีน ค่อนข้างคุ้นเคย คล้ายๆอาหารไทยด้วยซ้ำ แค่อาจจะเลี่ยนเพราะน้ำมันเยอะ แต่ก็มีอาหารหลากหลายให้เลือกทั้งเนื้อจามรีกระทะ ชาบูหมาล่า หรืออาหารจีนทั่วไป และทุกร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ใช้ google translate สแกนแล้วแปลเอา เราสั่งหมูมาจานนึง ที่ google แปลว่า คอลลาเจนหมู เห็นชื่อมันน่ารักดีอยากรู้ว่ามันคืออะไร สรุปมันคือ หูหมูเย็นๆนั่นเอง โคตรไม่อร่อย ฮ่าาาจามรีกระทะร้อน ชาบูหมาล่านิ้วชี้ ชี้เลยอร่อยทุกอย่าง น้ำมันเยอะทุกอย่าง 🙂 ร้านอาหารนอกอุทธยานมีให้เลือกเยอะ ส่วนอาหารภายในอุทธยานอาหารหลักของเราคือมาม่า การกินมาม่าตอนอากาสเย็นๆนี่คือดีมาก สลับกับกับข้าวกล่องที่สามารถอุ่นร้อนได้ อันนี้สนุกมาก เหมือนเป็นเกมส์วิทยาศาสตร์ คนจีนกินกันเยอะ เราพยายามลอกเค้าตอนแรกทำผิดวิธีแหละข้าวเลยไม่ค่อยสุกเท่าไหร่ ตอนหลังทำเป็นแล้วกลายเป็นอาหารที่คู่ควรมาก อร่อย ( บางเมนู )
มาม่ากู้ชีพ ข้าวกล่องวิทยาศาสตร์ มีหลายเมนู ซื้อจากข้างนอกเข้าไปจะราคาถูกกว่าและเมนูให้เลือกมากกว่าค่ะ ผลไม้สดเป็นของหวาน ผลไม้จีนอร่อยหมดลองได้ - การเดินทาง และการจองตั๋ว
จิ่วจ้ายโกว ยังไม่มีการบินตรงจากไทย เมืองที่ใกล้สุดคือมืองเฉิงตู แน่นอนทริปแบบนี้ควรจองข้ามปีไปเลย ช่วงพีคสุดคือช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี โรงแรม รถ และคนแน่นมาก การจองตั๋วข้ามปีช่วยให้ เราสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ง่าย และประหยัดได้มากขึ้น ( แอบกระซิบว่าเราจอง Aia Asia โปร 0 บาท ได้ตั๋วมาราคา 3,500 บาทเองจ้ะ ถูกเหมือนบินไปพม่าแต่คุณค่าคือได้ไปมรดกโลกระดับ A5 เลยเด้อ )
นอกจากการบินตรงกรุงเทพ – เฉิงตูเลย มีอีกโปรแกรมที่น่าสนใจคือเมืองฉงชิ่ง กับการเที่ยวหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ ( อู่หลง ฉงชิ่ง ) ถ้าอยากเพิ่มแพลนเข้าไปในทริปเดียวเลยก็ได้ เพราะจาก เฉิงตู – ฉงชิ่ง ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงแค่แค่ 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น รถไฟความเร็วสูงของจีนดีมาก สะอาดคุณภาพเท่าเท่าญี่ปุ่นเลย
สรุปสั้นๆอีกทีว่า
1.ถ้าอยากไปเที่ยวแค่จิ่วจ้ายโกว หวงหลวง ให้บินลงเฉิงตู ทั้งไปและกลับ
2.ถ้าอยากเที่ยวหลุมฟ้าด้วยก็ให้บินลงเฉิงตู แล้วบินกลับทางฉงชิ่ง ก็จะได้ควบทริปได้เลยค่ะ
พิเศษจองที่พัก ตั๋วเครื่องบินผ่าน shopback แล้วเลือกช่องทางจองปกติได้เลยค่ะ เช่น booking.com | Agoda | Trip.com | Airasia | Lazada | Expedia | Klook แค่กดลิงค์ผ่าน shopback ก่อนจะได้รับสิทธิ์เงินคืน 1-12% แล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละช่วงค่ะ คุ้มมากค่ะ เงินคืนโอนเข้าบัญชีหลังทางเดินทาง ~75 วัน ได้เงินสดเลยค่ะ
ในเมืองเฉิงตูก็มีที่เที่ยวให้พักผ่อน ชอปปิ้งกันได้สบาย เค้าเจริญแล้ว !! ตลาดของกินเด็ดมาก ลองเลย เรามีเวลาเที่ยวในเมืองแค่ช่วงเย็นๆ แต่เป็นช่วงสั้นสั้นที่เอ็นจอยอีทติ้ง เอ็นจอยชอปปิ้งมาก เหมือนเดินสยาม แต่เป็นสยามแบบจีนๆ มีทั้งน้ำมะม่วงฉันยุ่งมาก รองเท้ายี่ห้อแปลกๆที่คล้ายของจริงเหลือเกิน เปิดชอปกันใหญ่โต เดินเอามันส์อ่ะ ความโคตรจีนแบบนี้มันโคตรสนุก
เริ่มต้นเดินทางไปจิ่วจ้ายโกวกัน จากเฉิงตู มี 2 วิธีการนั่งเครื่องบินหรือรถบัส เราเลือกรถบัสฮ่า ช้าแต่ถูกกว่าแถมได้ชมวิวไปเรื่อยๆ เป็นจีนแบบเต็มตัว ความยากไม่ใช่การนั่งรถ 9 ชั่วโมง แต่เป็นเรื่องห้องน้ำมากกว่า ห้องน้ำระหว่างทางกลิ่นแรงดีใช้ได้เลย รถจะแวะเรื่อยๆให้เข้าห้องน้ำ และทานอาหาร จุดนี้อาหารญี่ปุ่น
อย่างมาม่า และมันเผาดูจะตอบโจทย์ดีสุดเลย อย่างอื่นลองแล้วเลี่ยน น้ำมันเยอะไปหน่อย

รถบัสจากเฉิงตู – จิ่วจ้ายโกว เราอีเมลไปให้โรงแรมของตั๋วให้ล่วงหน้า เนื่องจากเป็นช่วงพีคซีซันเลยไม่อยากเสี่ยงไม่มีตั๋วไป (ค่ารถบัส + รวมค่าบริการจอง 163 CNY/คน ) ขึ้นรถบัสที่ Xinnanmen Bus Station เราจองโรงแรม Chengdu Mrs Panda Hostel ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถบัส ตอนเช้าจะได้เดินไปขึ้นรถได้สะดวก และเจ้าหน้าที่ดูแลดีมาก พูดภาษาอังกฤษได้ ห้องสะอาด บริการดี ถ้าไม่มีโรงแรมในใจก็แนะนำเลยค่ะ


เที่ยวจิ่วจ้ายโกว กี่วันดี ?
ด้วยพื้นที่อุทธยานกว้างใหญ่มาก ดังนั้นการเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จะเที่ยวกัน 2-3 วัน ( ไม่แนะนำให้เที่ยววันเดียวเลยค่ะ จะเร่งเกินไป ) ส่วนตัวเราแนะนำให้เที่ยว 2 วันค่ะ กำลังดี จิ่วจ้ายโกวจะเป็นเส้นทางการเที่ยวแบบรูปตัว Y ดังนั้นควรมีเวลาอย่างน้อย 5 วัน
วันที่ 1 BKK – Chengdu
วันที่ 2 นั่งรถบัสจาก Chengdu – Jiuzhaigou
วันที่ 3 Jiuzhaigou ฝั่งขวา
วันที่ 4 Jiuzhaigou ฝั่งซ้ายและข้างล่าง
วันที่ 5 หวงหลง
วันที่ 6 Jiuzhaigou – Chengdu / Chengdu – BKK
*** ถ้ามีเวลาเพิ่มก็เที่ยวเฉิงตูชิลๆสักวัน ถ้ามีเวลามากกว่านั้นจะแวะไปเที่ยวฉงชิ่งต่อก็ได้ค่ะ
วันที่ 1 เที่ยวทางฝั่งขวา เราชอบฝั่งขวามากกว่า เลยอยากให้เที่ยวฝั่งด้านนี้ก่อน แล้วเผื่อวันที่สองอยากเก็บตรงไหนเพิ่มเติม ก็จะได้มาซ่อมได้ เราชอบทะเลสาบ 5 สีมากกกกกกกก สองวันแวะไปถึงสี่รอบ เดินไปเดินมาก็ยังอยากไปอีก อยากไปอีกเลยค่ะ
วันที่ 2 เที่ยวฝั่งซ้ายและพื้นที่ข้างล่าง ส่วนใหญ่จะลงข้างล่างและเที่ยวข้างล่างก่อน เราอยากให้สวนกระแสคน ให้นั่งรถให้ไปถึงสุดทางก่อน แล้วค่อยนั่งรถลงมาเรื่อยๆ จะได้ไม่เจอคนเยอะมาก ( แต่ยังไงคนก็เยอะอยู่ดีแหละ )
** หมายเหตุ ถ้ามีเวลามากพอ จะเที่ยวให้เต็มที่ก็สามวันได้ค่ะ ฝั่งขวา 1 วัน / ฝั่งซ้าย 1 วัน / ข้างล่าง 1 วัน จริงๆก็อยากทำแบบนี้แต่ค่าเข้าโหดเหลือเกิน เที่ยว 2 วันก็ไม่แย่ค่ะ โอเคกำลังดี
ที่เที่ยว จิ่วจ้ายโกว
เหมือนที่เดียวแต่มีสถานที่แวะให้เดินเที่ยวเยอะมาก หลักๆเป็นทะเลสาบ น้ำตก ภูเขา ธรรมชาติ สลับกันฝั่งขวาเป็นฝั่งที่เราชอบมากที่สุด และเดอะเบสของจิ่วจ้ายโกวขอยกให้ทะเลสาบห้าสี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้า เราตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้าจิ่วจ้ายโกว ( ค่าตั๋ว 220 CNY + ค่ารถบัสอุทธยาน 90 CNY ราคา/วัน/คน) ย้ำว่าไม่ต้องตกใจเพราะการแซงคิว การกรูกันแย่งซื้อตั๋ว การโดนเหวี่ยงสุดแรงเนื่องจากแย่งเก้าอี้บนรถ เป็นเรื่องปกติ อนิจจังค่ะ ถือว่าไปเล่นเกมส์โชว์

จิ่วจ้ายโกว – ด้านขวา
1. The virgin forest
บนสุดทางด้านขวา มีที่ให้เดินป่าด้วยแต่เราไม่ได้เดิน ที่นี่คนไม่เยอะมาก เป็นภูเขาใหญ่เราว่ามีความคล้าย Yosemite ในเมกา ( มโนแรงมาก)
2. Arrow bamboo lake & Arrow bamboo waterfall
ส่วนใหญ่รถจะจอดให้ลงที่นี่ที่แรก ( แต่จริงๆบอกนายหัวขอลงก่อนที่ทะเลสาบดอกไม้ห้าสีก็ได้ค่ะ ) อันนี้เดินได้เรื่อยๆ เดินต่อยาวไปจนถึง panda lake ได้เลย
3. Panda lake
เค้าว่าเป็นทะเลสาบที่แพนด้ามากินน้ำ แต่เราไม่เจอง่ะ เป็นทะเลสาบใหญ่ที่เชื่อมต่อมากับภูเขาหลายลูกซ้อนทับกัน เป็นทางเดินริมเขาทำให้เห็นวิวรอบรอบได้ 180 องศา
4. Multicolor lake / Five flower lake
เราชอบที่นี่มากที่สุด น้ำสีฟ้าแบบฟ้าโคตรๆ กับภูเขาเปลี่ยนสีทั้งภูเขา ควรไปที่นี่เป็นที่แรกเลย อากาศตอนเช้ามีหมอกอ่อนๆ และไม่มีคนมันดีย์มาก รถบัสทางขวาส่วนใหญ่คนจะขึ้นไปบนสุดแล้วค่อยลงมา แต่สามารถบอกคนขับรถได้นะคะว่าอาแปะ นุ้งอยากลงตรงนี้ แปะก็จะจอดให้ แล้วพวกเธอจะเป็นชนกลุ่มแรกที่มาถึงที่นี้ มันจะดีมาก เดินวนให้สุด เดินไปเลยสองสามรอบเพราะเวลาทองมีอยู่แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วมนุษย์ก็จะหลั่งไหลมา
พวกเธอจะพลาดจุดอื่นก็ได้ แต่ห้ามพลาดจุดนี้ ที่สุดของที่สุดเรามาที่นี่หลายรอบทั้งนั่งรถผิดวนมานี่ และตั้งใจมา ได้เจอที่นี่ทั้งเช้า เที่ยง เย็น ตอนที่สวยที่สุดคือตอนเช้า วันที่เราไปไม่ค่อยมีแดด สีของใบไม้ทั้งภูเขายังกระแทกตาขนาดนี้ ไม่รู้จะพูดให้ยาวทำไม เจ็บคอ ดูภาพเอาเถอะจ้ะ

มุมจากด้านบนฝั่งตรงข้ามเป็นอีกมุมที่สวยมาก ต้องเดินทางเดินไม่ขึ้นเขามาหน่อยนึง เป็นวิวมุมสูงที่ดีเลยห้ามพลาดมุมนี้เลย เดินขึ้นไปทางด้านบนเหนื่อยหน่อยแต่คุ้มมาก ยิ่งตอนเช้าเช้าหมอกเอื่อยๆนี่ โอ้ยเมิง ตายข่ะ สวยตายไปเล้ย
5. Pearl Shoal
ในบรรดาน้ำตกทั้งหมดเราชอบน้ำตกที่นี่ที่สุด มันไม่ได้ใหญ่ที่สุดนะ แต่เป็นน้ำตกที่มฉากหลังเป็นภูเขาหิมะและใบไม้เปลี่ยนสี ดูเป็นน้ำตกที่ครบเครื่อง ที่นี้จะเป็นจุดพักที่ใหญ่มาก เหมาะแก่การนั่งกินข้าว ชมวิว พักผ่อน หลบแดด พักขา หลังจากเดินมายาวยาว (ที่นี่ขอยกให้เป็นที่ที่สวยแต่ยาก นึกออกมั้ย กว่าจะเดินมาถึงคือไกลหน่อย )
เราไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปยังภาพน้ำตกเลยจะสั่นๆไปหน่อย
6. Mirror lake
ทะเลสาบกระจก เป็นทะเลสาบที่อยู่ตรงกลางของอุทธยาน เราไปที่นี่ช่วงบ่ายแล้ว เลยจะมีความย้อนแสงหน่อย ตอนนั่งรถผ่านตอนเช้าจะเห็น reflec เป็นกระจกชัดมากกว่านี้
จิ่วจ้ายโกว – ด้านซ้ายและด้านล่าง
1. The long lake
อีกหนึ่งทะเลสาบที่เราชอบเป็นพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วก็ชอบหมดทุกอัน แต่แค่บรรยากาศตรงนี้ถูกจริตมากหน่อยเท่านั้นเอง แนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่เลย เราไปสายนิดหน่อยเพราะนั่งรถหลง ( อีกแล้วฮ่า ) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่มากกก สมชื่อแหละ ใหญ่และยาวเลยข่าคุณ
2. Colorful Pond
เดินต่อมาจาก long lake ได้เลย หรือจะนั่งรถลงมาก็ได้ ระหว่างทางจะเป็นป่าป่าหน่อย ถ้าอยากชิลๆก็เดินลงไป แต่ถ้าไม่อยากเดินก็นั่งรถไปได้ค่ะ ที่นี่เป็นทะเลสาบที่สีสวยที่สุดเป็น ทะเลสาบเล็กๆสีฟ้าเทอคอยซ์ สีสดมากเป็นเหมือนอัญมณีกลางป่าอ่ะเมิง ด้วยความที่มีพื้นที่เล็กมาก คนเลยแน่นมากเป็นพิเศษเช่นกัน กว่าจะเดินรอบทะเลสาบเนี่ย หมดแรงเลย
3. Zechawa village (หมู่บ้านทิเบต)
หมู่บ้านทิเบตมีร้านอาหาร ไว้สำหรับช้อปปิ้ง ซื้อของฝาก หรืออยากนั่งพักขาชิลๆก็มาแวะได้ ที่นี่เป็นป้ายรถป้ายใหญ่ รถบัสจะแวะจอดที่นี่เกือบทุกคัน เราแวะที่นี่แปปเดียว ไม่ได้เดินเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ลองชิมแค่ถั่วตัดที่เค้ามาให้ชิมก็อร่อยดี
4. Nuorilang waterfall
5. Rhinoceros lake
ทะเลสาบแรด (ที่ไม่มีแร่ดแต่คนมาเที่ยวอ่ะแรด คนอ่านสวย #แบบนี้ก็ได้ว่ะ ) มาได้ด้วยการเดินหรือจะนั่งรถก็ได้ เป็นอีกที่ที่เราชอบมาก แต่มาถึงตอนเหนื่อยๆเพลียๆแล้วเลยขี้เกียจเดินมาก เราว่าจุดนี้ควรแวะ คุ้มค่าความสวยงาม ด้วยความที่ชอบภูเขา และน้ำอยู่ด้วยกัน นั่งสบายๆก็เพลินๆหายเมื่อยดี ไเราไปตอนบ่ายแล้วมีย้อนแสงบ้างเล็กน้อยดูด้วยตายังสวย แต่ถ่ายภาพจะมีการย้อนแสงบ้าง
6. Shuzheng falls / Shuzheng lakes
ลงรถตรงป้ายหมู่บ้านทิเบตแล้วเดินมาฝั่งตรงข้าม เป็นทะเลสาบที่มองเห็นไดจากป้ายรถบัสเลย มีทางให้เดินเข้าไปชมใกล้ๆด้วย เดินไม่ไกลมาเราว่าคุ้มค่าในการเดิน ควรแวะถ้ามีเวลาพอ
ข้างล่างยังมีอีกหลายอันแต่เราว่าสวยสู้ทางขวาไม่ได้ และบางอันก็ลืมๆไปบ้างว่าชื่ออะไร ฮ่า เต็มอิ่ม 2 วันในจิ่วจ้ายโกว สูดอากาศได้เต็มปอด ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงได้รับเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เพราะที่นี่เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ สมชื่อ อุทธยานธารสวรรค์
นอกจากจิ่วจ้ายโกว อีกที่ที่อยากแนะนำคือ หวงหลง ที่อยากให้แวะไปเที่ยวกัน จริงๆถ้ามาจากเฉิงตูเราจะถึงหวงหลงก่อน แต่ก็ไม่อยากย้ายของมาก เลยตั้งฐานอยู่ที่จิ่วจ้ายโกวเป็นหลัก แล้วเที่ยวหวงหลงแบบวันเดย์ทริปเอา สำหรับทริปนี้ขอยกให้หวงหลงคือนางเอกของทริป สามารถเดินทางไปหวงหลงได้ 2 วิธี
วิธีที่ 1 รถบัสประจำทาง แนะนำกรณีเดินทางคนเดียว
วิธีที่ 2 รถแท็กซี่แบบเหมาทั้งวัน เหมาะสำหรับเดินทาง 3-4 คน แนะนำวิธีนี้มากกว่าเพราะสามารถแวะถ่ายรูปตามข้างทางได้ตลอดเวลา ( ค่าเหมา Taxi 500 CNY / คัน)
อุทยานแห่งชาติหวงหลง” หรือ “มังกรเหลือง” ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงถึง 3,000-5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่สูงอากาศบางหน่อย เวลาเดินต้องเดินช้าช้าไม่งั้นหายใจไม่ทัน จุดเด่นของหวงหลงคือทะเลสาบหลากสี” ที่ประกอบด้วยสระน้ำเล็กๆ จำนวนนับพันสระทับซ้อนกัน กลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความสูงที่สุดในโลก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ( ค่าเข้า 200 CNY/คน ค่าเคเบิลคาร์ 80 CNY/คน)

เห็นมั้ยว่าจีนอ่ะสวยจะแย่ แค่เปิดใจให้พร้อมลุย ชีวิตเรามันก็แค่นั้นแหละ เปลี่ยนจากกดชักโครกไปขับถ่ายในรางน้ำเมืองจีนบ้าง แลกมากับธรรมชาติที่สุดตีน ชีวิตมันก็สนุกดีเหอะ ถ้าอยากจะลุยก็ตามไปจองตั๋วพร้อมบินได้ที่ www.airasia.com ถ้าเพื่อนถามว่าทริปหน้าไปไหน บอกเพื่อนไปแรงๆ #ทริปหน้าไปจิ่วจ้ายโกวกับแอร์เอเชียโว้ยยย
อีกที่เที่ยวของจีนที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก คนน้อยมาก แต่สวยมาก อ่านเลยจ้าที่รัก >> ชมภูเขาสีรุ้ง ขี่จามรี กินเนื้อแพะ แวะชิลสวิตเซอร์แลนด์แดนมังกร
ส่วนเราคงได้ไปจีนอีกหลายหลายรอบแน่แน่
เจอกันที่จีนค่ะ 🙂
Leave a Reply