ฮัลโหล !! ไปเลห์ เที่ยวยังไง ไปเดือนไหนดี ไปกี่วันดี ใช้เงินเท่าไหร่ ตอบมาเยอะหลายๆรอบ เลยเขียนรวมคำตอบทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ อ่านที่เดียว พร้อมเที่ยวได้ทันที
การเตรียมตัวก่อนไปเลห์
เห็นภาพเลห์ ลาดักห์สวยสวยเต็มหน้าฟีด ก็อยากไปเที่ยวกับเขาบ้าง แต่มีคำถามเต็มหัวไปหมด กลัวอินเดียก็กลัว แต่ใจก็อยากไป จะทำยังไงดีคะพี่คะ ในหัวอาจจะมีคำถามแบบโคตรเยอะ และมีคนถามเรามาบ่อยมากเหมือนกัน
- เลห์เป็นยังไงบ้างคะ ?
- อินเดียทำวีซ่าแบบไหนดี ?
- ไปเดือนไหนดี ?
- อากาศเป็นยังไง ?
- เดินทางยังไงหว่า ?
- ไปกี่วันดี ?
- จองรถ จองโรงแรม ทำไงอ่ะแก๊
- ที่เที่ยวมีที่ไหนบ้าง ?
- อาหารกินไหวมั้ย ?
- ห้องน้ำเป็นยังไง ?
- ไปคนเดียวได้มั้ย ?
- ข้อควรระวัง ข้อควรรู้ มีอะไรบ้าง ?
- ใช้เงินเท่าไหร่ ?
ถ้ามีคำถามพวกนี้อยู่ขออย่ากังวล เราสรุปข้อควรรู้ให้พอรู้จักเลห์ ลาดัก ตามไปอ่านกันจ้ะ แล้วจะได้เตรียมตัวกันถูก
รู้จักเลห์ ลาดักห์
เลห์เป็นเมืองหลวงของแคว้นลาดักห์ เขตแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย เลห์อยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 12,000 ฟุต เพราะฉะนั้นอากาศจะบางมาก และหนาวมากสำหรับพวกเส้นศูนย์สูตรแบบพวกเรา
อีกชื่อคือ ทิเบตน้อย (Little Tibet) สาเหตุที่เรียกทิเบตน้อยเพราะว่าที่นี่มีส่วนผสมของ วัฒนธรรมทิเบต อีกทั้งมีเชื้อชาติที่หลากหลาย ทั้งทิเบต แขกอินเดีย แขกขาวแบบปากีสถาน
อินเดียทำวีซ่าแบบไหนดี ?
อินเดียเป็นประเทศที่เราต้องขอวีซ่าก่อนจะเดินทางเข้าประเทศ ถ้าเทียบราคาวีซ่าอินเดียถือว่าแพงเอาการเลย เสมือนขอวีซ่าแชงเก้นไปยุโรปเลยจ้า วีซ่าท่องเที่ยวมีสองแบบ
วีซ่าท่องเที่ยวออนไลน์ ( E tourist visa ) ขอผ่านออนไลน์ได้เลย ค่าบริการแบบนี้จะถูกกว่า 50 USD / คน รวดเร็วกว่ามาก เอกสารน้อยกว่า ขอก่อนเดินทางล่วงหน้าได้ 4 วัน ทริปด่วนๆก็ยังขอวีซ่าทัน ทราบผลภายใน 24 ชั่วโมง เข้าออกอินเดียได้ 2 ครั้งภายใน 60 วัน รายละเอียดขั้นตอนการขอวีซ่าออนไลน์ เราเขียนไว้ละเอียดแบบลอกตามได้เลย E-TOURIST VISA INDIA เข้าไปลอกข้อสอบได้เลยค่ะ
วีซ่าท่องเที่ยวปกติ ( Regular visa ) ต้องไปยื่นขอวีซ่าที่ศูนย์รับยื่น VFS ( PS Tower ชั้น 10 อโศก) แบบนี้จะเสียเวลามากว่าแต่อายุวีซ่าจะนานกว่า อายุวีซ่าอยู่ที่ 6 เดือน – 1 ปี เข้าออกได้สองครั้งหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสถานฑูตอินเดียอีกทีด้วย ( จ้าาาา ) และราคาก็แพงกว่ากันมากอยู่ ค่าวีซ่าอยู่ที่ 4,100 บาท บวกค่าดำเนินการอื่นๆก็อยู่ที่ 4,258 บาทจ่ะ
เอาเป็นว่าถ้าอยากไปเลห์แค่ครั้งเดียว ไม่ได้มีแพลนอยากไปที่ไหนอีก ก็แนะนำ E-tourist Visa ค่ะ แต่ถ้ามีแพลนจะไปอินเดียอยู่แล้วในไปนี้หลายๆครั้ง ก็ไปทำ Regular visaแต่ก็ต้องลุ้นเอากับผลเนอะว่าจะได้แบบเข้าออกกี่ครั้ง E tourist visa ทำได้แค่ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น มากกว่านั้นก็ต้องไปขอเป็น regular visa แต่ถ้าไปสองครั้งในปีนั้น เราว่าทำ e-visa ก็ยังสะดวกกว่า และค่าใช้จ่ายถูกกว่าอยู่ดีแหละ ฮ่า 🙂
ไปเดือนไหนดี ?
อันนี้เลือกเอาตามชอบเพราะเลห์แต่ละช่วงก็มีความงาม มีเสน่ห์แตกต่างกัน เราเคยไปแค่เลห์ช่วงใบไม้ร่วง สวยมากเลยแหละ มีเพื่อนๆไปช่วงอื่นก็สวยมากเหมือนกัน สรุปรวมแต่ละช่วงเวลาได้ตามนี้
เลห์หน้าหนาว พฤศจิกายน – มีนาคม ขาว สวย หนาว (โคตร) เป็นเลห์แบบอยู่ในตู้เย็น
เลห์ใบไม้ผลิ เมษายน – พฤษภาคม ดอกไม้เริ่มออก เป็นเหมือนการกลับมาของเลห์ สงกรานต์เที่ยวได้
เลห์หน้าร้อน มิถุนายน – สิงหาคม ช่วงเวลาที่เลห์ฮอตที่สุด แทรกกิงได้ เที่ยวได้ อากาศสบายๆ
เลห์ใบไม้ร่วง ตุลาคม – พฤศจิกายน ช่วงเวลาที่เลห์กลายเป็นสีทอง หนาวหนาว เงียบๆ คนไม่เยอะ
เลห์หน้าหนาว พฤศจิกายน – มีนาคม เป็นความขาวที่สวยเหมือนนั่งมองจากในตู้เย็น เพราะอากาศหนาวมาก ชาวบ้านที่เลห์บอกว่าช่วงปลายปีนั้นหนาวถึง -45 หิมะถมความสูงเท่าคน ที่ tsomoriri และ pangong ชาวบ้านส่วนใหญ่จะอพยพย้ายกลับไปอยู่ในเมืองเลห์ แล้วกลับมาใหม่ช่วงใบไม้ผลิ ช่วงนี้ความสวยหายห่วง ห่วงแต่ความหนาว เพราะฉะนั้นเสื้อผ้ากันหนาวสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด อีกทั้งอาหารเสบียงต้องเตรียมไปให้เยอะกว่าปกติหน่อย หน้าหนาวคนท้องถิ่นยังหาอาหารกินยาก ร้านอาหารก็ปิดซะเยอะ แบกชุดและอาหารไปให้แน่นแน่นนะจ้ะ ด้วยรักและรักมาก
เลห์ใบไม้ผลิ เมษายน – พฤษภาคม เป็นช่วงที่คนไทยนิยมเที่ยวกับมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวตอนสงกรานต์ ถึงอากาศจะหนาวไปบ้าง ร้านอาหารยังเปิดไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็เป็นช่วงที่สวยมากมากอีกช่วงนึง ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องวันลา ช่วงพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ใบไม้เริ่มผลิ เป็นช่วงดอกไม้เบ่งบานได้เจอกับดอกเชอร์รี่บลอสซั่ม หิมะขาวๆบนยอดเขายังเยอะ ก็เป็นช่วงที่น่าเดินทางอีกช่วงค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบเลห์ช่วงสงกรานต์จากเพื่อนจ๋า
เลห์หน้าร้อน มิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่เลห์ฮิตมากที่สุด เพราะช่วงนี้เที่ยวได้ทุกที่ อากาศไม่หนาวจนทรมานเหมือนช่วงอื่นๆ ต้นไม้ ใบหญ้า สมบูรณ์ อาหารสมบูรณ์ แทรคกิ้งได้ ทำกิจกรรมได้หลากหลาย และเป็นช่วงที่ฟ้าใสมากมาก
ขอบคุณภาพประกอบเลห์หน้าร้อนจากพี่เปิ้ล เที่ยวแล้วยัง ตามไปอ่านเลห์ฉบับหน้าร้อนได้เลย
เลห์ใบไม้ร่วง ตุลาคม – พฤศจิกายน ช่วงนี้ต้นใม้ และทุ่งหญ้าในเลห์จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองท้องทั้งหมด ตัดกับเขาโล้นๆ และแสงแดดตอนเย็นๆ เลห์ช่วงเย็นตอนทุกอย่างเป็นสีทองนี่สวยที่สุดเลยแหละ รีวิวเที่ยวเลห์ ช่วงตุลาคม ฉบับแบกเป้เที่ยวกับเพื่อน 12 คน ตามไปอ่านได้เลยจ้ะ Leh Ladakh October
บินสายการบินไหนดี ?
โปรโมชั่นไปเลห์มาบ่อย งบประมาณค่าตั๋วเครื่องบินจึงถูกกว่าเดิมมาก จากไทยยังไม่มีบินตรงไปเลห์ ต้องมาต่อเครื่องที่นิวเดลี เพื่อบินไปยังเลห์ บินระหว่างประเทศไม่ค่อยน่ากังวล แต่บินในประเทศจาก เดลี – เลห์ นี่ถ้าไม่วางแผนการจองดีดีเผลอๆตั๋วจะแพงมากกว่าบินระหว่างประเทศเสียอีกค่ะ ยิ่งช่วง high season นี่ราคาตั๋วโคตรแพง เพราะฉะนั้นเตรียมตัวล่วงหน้าเรื่องตั๋วเครื่องบิน จะช่วยประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายได้เยอะทีเดียวค่ะ
สิ่งที่ควรระวังคือสนามบินอินเดียมีหลาย terminal ซึ่งแต่ละ terminal จะห่างกันมาก ถ้าบินสายการบินคนละ terminal ก็ต้องเผื่อเวลาเดินทางหน่อย เพราะ E- visa กว่าจะผ่านตม.นี่ต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ( อ่านเพิ่มเติมคลิกจ้า >> E-Tourist Visa India | วิธีการขอวีซ่าอินเดียออนไลน์ อย่างละเอียด ) ยิ่งถ้าต่อเครื่องคนละ terminal แล้วยิ่งต้องเผื่อเวลาเยอะๆ เราว่าเผื่อเวลาสัก 6 ชั่วโมง ( ผ่าน ตม. + รับกระเป๋า 2.3 ชั่วโมง , เช็คอินโหลดกระเป๋า ภายในประเทศ 3 ชั่วโมง ) สายการบินอินเดียมักเจอ over booking บ่อย เพราะฉะนั้นเคาเตอร์เปิดปั๊ป ควรรีบไปเช็คอินเลยค่ะ ไม่รู้พี่แขกจะมาไม้ไหน เราสรุปรายละเอียดสนามบินอินเดียทั้งที่นิวเดลี และเลห์ลาดักห์ เอาไว้ ควรอ่านเพิ่มเติม ( สำคัญ ) ข้อควรรู้เกี่ยวกับสนามบินอินเดีย ( รู้ก่อนชนะแขกก่อน)
สำคัญ ตอนจองตั๋วเครื่องบิน เดลี – เลห์ให้เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายถ้าไม่ได้นั่งที่นั่งหน้าสุด ให้เลือกที่นั่งหลังสุดไปเลยค่ะ ตรงกลางจะติดปีกเครื่องบิน กีดลูกตา ( เข้าไปเช็คตำแหน่งที่นั่งได้ที่สายการบินที่เดินทางได้นะคะ แต่ละสายการบินจะมี Layout เครื่องให้ดู ) นิวเดลี – เลห์ ใช้เวลาบิน 1.20 ชั่วโมง ความพีคเริ่มขึ้นตั้งแต่ 30 นาทีแรกเรายกให้เป็นไฟล์บินที่สวยที่สุดในชีวิตเลย ห้ามหลับเด็ดขาด
เดินทางยังไงหว่า ?
การเดินทางในเลห์ มีหลายๆแบบ ทั้ง เช่าจักรยาน เช่ามอเตอร์ไซค์ และเช่าเหมารถ ส่วนรถก็มีหลายขนาดตั้งแต่ 3 คน ไปจนถึง Tempo Van 15 คน เลห์เป็นพื้นที่พิเศษ ต้องใช้คนท้องถิ่นในการเดินทางเท่านั้น ถึงเค้าไม่บังคับก็อยากบังคับให้ใช้คนในท้องที่เพราะว่าเส้นทางค่อนข้างอันตรายหน่อยๆ จนถึงอันตรายมาก เราติดต่อทุกอย่างผ่านทาง ซาลีม ( จริงๆติดต่อไปสองสามราย แต่ซาลีมราคาดีสุด และรีวิวจากคนไทยเยอะ เชื่อถือได้ ) ห้องพัก + รถ + เอกสาร permit ต่างๆ ซาลีมจัดให้ได้ทั้งหมด ส่วนใครจะติดต่อแยกเองก็ได้ค่ะ คิดว่าราคาคงถูกลงหน่อย แต่ติดต่อซาลีมก็จะอุ่นใจเพราะซาลีมช่วยดูแลและรับผิดชอบให้ทั้งหมด พร้อมดูแลและแนะนำดีมากมาก ติดต่อซาลีมได้ที่ FB ซาลีมตอบเร็วไม่มาก แต่ก็ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับอินเตอร์เนตในเลห์
รถจะมีหลายขนาด ขนาดที่คุ้มทุนสุดคือ Tempo Van แบบทริปเรา เลือกขนาดรถตามจำนวนคนเดินทางอีกที คุยกันได้ สลับเปลี่ยนแผนอะไรได้หมดเลย รถโอเคมากเลย ทนแดด ทนฝน ทนหิน ทนทุกอย่าง ไม่มีปัญหาอะไรเลย ยกเว้นตอนรถติดหล่ม ฮ่าๆ ( ซาลีมจะรับเงินทีเดียวตอนจบทริป ไม่ต้องกลัวโดนโกงอะไรเลย นางน่ารักมากมาก )
คนขับเราชื่อจิ๊กมิด น่ารักมากมาก แต่จะพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็จะพยายามคุยกันหลากหลายทาง มีอยู่ตอนนึงพวกเราอยากเจอ marmot แต่จิ๊กมิดไม่รู้จักพยายามสื่อสารกันสักพักก็ไม่รู้เรื่อง ก็เลยวาดรูปโชว์เผื่อนางจะเข้าใจ พอวาดรูปไปดูนางจะงงหนักไปอีก สุดท้ายพวกเราก็อดเจอ ฮ่าๆ เป็นข้อคิดว่าเออกูควรเซฟรูปใส่มือถือมาบ้างนะ



ไปเลห์กี่วันดี ?
อันนี้เราว่าตอบยากเลย ด้วยเลห์มีที่เที่ยวเยอะและแต่ละที่ใช้เวลาเดินทางโคตรเยอะ นั่งรถมากกว่าเที่ยว แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะ เพราะทางผ่านแต่ละที่นี่ร้องอิเหี้ยได้ตลอดเวลาอ่ะ สวยจนลืมว่าตูดชาไปแล้ว ฮ๋า ส่วนตัวเราว่า 7 วัน กำลังดี ( ไม่รวมเวลาเดินทาง ) แต่ก็ยังเที่ยวไม่ครบนะ ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ เราว่า 5 วันก็ยังได้ ไม่ค่อยแนะนำให้ไปน้อยกว่านี้เลย นอกจากไม่มีเวลามากมากจริงๆ แต่ก็อยากไปอ่ะ ก็ไปเถอะจ้ะ แต่ต้องเลือกเอาว่าจะเที่ยวไหนบ้าง ถ้ามีเวลามากเยอะๆนี่ก็อยากไปอยู่สักสองอาทิตย์ ไปแทรกกิ้ง เดินเขา ล่องแก่งให้มันครบแบบมันส์ๆ ก็สองอาทิตย์ไปเลย
ที่เที่ยวมีที่ไหนบ้าง ?
แยกเป็น zone ให้ละกันเนอะจะได้เห็นได้ชัดๆ แต่ละพิกัดค่อยเลือกตัดเอาได้ตามความชอบ
LEH TOWN Leh Palace, Shanti Stupa , Main Bazaar, Magnetic Hill, Sangam Viewpoint, Alchi, Lama Yuru ( moon land )
NUBRA VELLEY Khardung La Pass , Hunder Sand Dune , Turtuk village
PANGONG LAKE Chang La Pass
TSOMORIRI LAKE Tsokar Lake Taglang La Pass
รีวิวแต่ละที่อย่างละเอียดก็ตามไปอ่านได้ตามรีวิวเหมือนเดิมจ้ะ Leh Ladakh October
เลห์ตามแพลนของเรา จะลอกตามนี้เลยก็ได้จ้าาา
DAY1 : BKK – New Delhi
DAY2 : New Dehli – Leh (Leh City >> Leh Palace, Shanti Stupa & Main Bazaar)
DAY3 : Magnetic Hill, Sangam Viewpoint, Alchi, Lama Yuru ( moon land )
DAY4 : Nubra Valley, Turtuk *Khardung La Pass
DAY5 : Hunder Sand Dune – Pangong Lake
DAY6 : Pangong Lake – Chang La Pass
DAY7 : Tsomoriri Lake
DAY8 :Tsokar Lake Taglang La Pass
DAY 9 : LEH – NEW Delhi – BKK
อาหารกินไหวมั้ย ?
อาหารที่เลห์จะเป็นมังสวิรัต กะหรี่ ผัก ไข่ เป็นหลักค่ะ เราแนะนำว่าให้เตรียเสบียงส่วนตัวไปเถิด อาหารแห้ง ปลากระป๋อง หมูแผ่น หมูหยอง มาม่า ปลากระป๋อง แกงสำเร็จรูป น้ำปลาพริกแบบซองเหมือนที่แถมใน 7-11 แม็กกี้ น้ำพริกทุกชนิด ( อันนี้สำคัญมาก) ผักกาดดอง ( นี่ก็แรไอเทม ไว้กินคู่ข้าวต้มคือแซ่บ) พวกนี้ช่วยชีวิตได้มากจริงๆ เชื่อชั้นสองสามมื้อพวกเธอก็จะเบื่อแกงกะหรี่จะอ้วกแล้ว


อาหารประจำชาติ และช่วยชีวิต มาม่าค่ะ หน้าตาไม่น่ากินเพราะต้มรวมกันทุกรสที่มีแต่รสดีย์ค่ะ
กะหรี่ก็ทานได้นะ รสชาติไม่แย่ อร่อยดี แต่แย่ตรงที่กูต้องกินมันทุกวันนี่แหละ เห็นแล้วก็เอือม ในเมืองเลห์มีร้านอร่อยๆ เยอะเลย ทั้งอาหารจีน อาหารไทย อาหารฝรั่ง ให้เลือกเยอะค่ะ ไม่ต้องกังวลมาก แค่ออกนอกเมืองไปแล้วตัวเลือกก็จะน้อยลง จนไม่มีตัวเลือกเลย เมนูแนะนำคือข้าวไข่เจียว ข้าวคลุกน้ำพริกนี่คือที่สุดละ การเดินทางใช้เวลานาน อาจต้องหิ้วท้องรอ กว่าจะได้ทานข้าว และอาจจะทานอาหารไม่ตรงเวลาระหว่างเดินทางควรเตรียมถุงยังชีพที่มี snack & energy bar ไปด้วย อาทิ หมูฝอย, หมูแผ่น, Energy Bar,เนยถั่ว นูเทลล่า ( ขนมปังซื้อที่เลห์ได้ค่ะ) ,ข้าวมือถือ , กล้วย , ผลไม้ , ช็อกโกแลตแท่งไว้เติมพลัง ( ใครที่เป็นโรคกระเพาะเตรียมเสบียงไป ดูแลตัวเองนะคะ พวกผลไม้หาซื้อได้ที่เลห์ แนะนำซื้อจากในตัวเมืองค่ะ นอกเมืองจะเจอผลไม้เน่าๆซะเยอะ อย่าเชื่อแขก แม้แขกจะหน้าตาหล่อมาก็ตาม ซื้อสองโลเน่าโลนึง อิสัส!! )
ห้องน้ำเป็นยังไง ?
ห้องน้ำระหว่างทางในอินเดียคือส้วมหลุมเราดีดีนี่เองค่ะ ทิชชูเปียก ผ้าถุง ร่ม ก็สำคัญสำหรับผู้หญิง ที่หน้าบางบาง ไม่สะดวกเข้าห้องน้ำแบบ open air หรือ stone toilet เจอก้อนหินตรงไหนฉี่ได้ทันที (ยกข่าได้ฉี่ใส่หินเลย เหมือนหมาเลยโน้ะ) ก็เอาผ้าถุงไปคลุมตอนฉี่ เอาร่มไปกางกลางทุ่ง แล้วเช็ดด้วยทิชชูเปียก ก็จะทำให้สุนทรีย์ตอนขับถ่ายดีขึ้นมากค่ะ หรือใครจะเอาถุงฉี่แบบพกพาไปก็ไม่ว่ากัน แต่เราว่าเลือกวิวสวยๆแล้วตะโกนบอกคนขับรถว่า Tolilet Tolilet แล้วนั่งฉี่ชมบรรยากาศ เหมาะสมที่สุด แค่อย่าลืมเก็บทิชชู่มาทิ้งด้วยแค่นั้นพอ ส่วนห้องน้ำในโรงแรมก็ปกติค่ะ แค่อาจจะหนาวจนนั่งชักโครกไม่ลง หนาวจนแข็งตั้งแต่ตัวลามเข้าไปจนถึงระบบขับถ่าย
เลห์ไปกี่คนดี / ไปคนเดียวได้ไหม ?
เราว่าไปกี่คนก็ได้ ไปคนเดียวก็ได้ ไปสองคนก็ได้ แต่จะสนุกที่สุดตอนได้ทำอะไรบ้าบ้ากับเพื่อนเยอะๆ เวลาที่นานที่สุดคือเวลานั่งรถ ได้หัวเราะกับการเลือกโลเกชั่นเยี่ยว ได้ช่วยกันเช็ดอ้วก ได้แทะโลมคนขายผลไม้ ได้ลุ้นว่าข้าวที่เรากินใช้จานเดียวกับหมาหรือเปล่า ได้กินข้าวร่วมสาบาน ได้นอนกอดกันตอนหนาว ได้แย่งกันถ่ายรูป เราว่ามันเป็นความบ้าที่หาไม่ได้แล้วจากทริปอื่น

โรงแรม ที่พัก จองยังไงอ่ะแก๊
ในเมืองเลห์เราพักที่ 7 SEA GUESTHOUSE โดยจองผ่านซาลีม ที่พักน่ารัก คุณป้าใจดี มีอาหารเช้าให้ ส่วนไฟก็ดับบ้างตามปกติของเลห์ น้ำก็ร้อนบ้างไม่ร้อนบ้าง อาบน้ำบ้างไม่อาบบ้าง ตามสมควร wifi ติดบ้างไม่ติดบ้างเป็นเรื่องปกติ ที่พักสะอาด คุณป้าทำข้าวต้มกุ๊ยให้กินตอนเช้า แบบไม่มีกะหรี่ เสริฟชาตลอดทั้งวัน เข้าครัวไปขอทำกับข้าว ต้มมาม่าเองก็ได้ ทำเลดีไม่ไกลจากเมนบาซ่า เดินได้แปปเดียว
จิบชาในสวนหน้าเกสเฮาส์ อังกฤษสไตล์มากมาก
คุณป้าแคนรูน เจ้าของเกสเฮาส์ แห่ง seven sea guest house สวย ใจดี และน่ารักมากมาก
ที่พักในเลห์เริ่มจองได้ใน bookig.com กันแล้ว ถ้าอยากจองตรงเองก็จองผ่าน booking ได้ หรือจะ walk in ไปหาที่พักก็ได้ ความน่ารักของเลห์คือทุกที่จะเป็นราคามาตรฐานเท่ากันหมดเลย ไม่มีการบวกเพิ่ม แค่ช่วงไฮซีซัน อาจจะต้องเดินหาเยอะหน่อยถ้า walk in เพราะที่พักจะเต็มเยอะค่ะ
พิเศษ : จองที่พักทริปอินเดียผ่าน Booking.com รับส่วนลด 550 บาท กรณียอดจองครบ 1,100 บาท > จองผ่านลิงค์นี้รับส่วนลด 550 บาท/booking
จองโรงแรมอะไรก็ได้ ได้รับส่วนลดคืนทางบัตรเครดิต หลังจากการเข้าพัก ~ 30 – 60 วัน !! ใช้ได้user ละ 1 ครั้งนะคะ ถ้าไปหลายคนให้แยกกันจองคนละ booking !! ใช้ได้ user ละ 1 ครั้งนะคะ ถ้าไปหลายคนให้แยกกันจองคนละ booking !!
ส่วนที่พักนอกเมืองเช่น pangong lake , tsomoriri lake เราไม่ได้จองล่วงหน้า ไปหาเอาเลยได้ ช่วงหน้าหนาวจะปิดซะเยอะ แต่มีที่พักให้แน่นอนค่ะ ใครไม่มั่นใจจะจองล่วงหน้าก็ได้ค่ะ ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นก็จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แล้วแต่ดวง แต่ที่ pangong / tsomoriri หยุดคิดเรื่องการอาบน้ำเลย ที่พักจะมีแค่น้ำร้อนให้ห้องละถังตอนเช้าเท่านั้น ( น้ำยาบ้วนปาก ยาวไปเลยจ้า โดนน้ำนิดเดียวมีช๊อต )
หมายเหตุ จองผ่านลิงค์goanywhere.co รับเงินคืน 550 บาท / booking หลังจากเข้าพัก เงินคืนผ่านทางบัตรเครดิต / visa กรณีจองที่พักครบ 2,000 บาทขึ้นไป )
ใช้เงินเท่าไหร่
เราว่าเรื่องนี้อธิบายยากเลยเพราะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ และค่าที่พัก ค่าเดินทางเป็นหลัก ส่วนต่างอื่นๆก็ค่าอาหาร ทริปนี้เราไปกัน 12 คน ตอนอยู่ในเมืองกินดีอยู่ดี ทานร้านอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่มีแล้ว หมดไปคนละ ~10,000 บาท ( ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินจ้ะ ) โดยค่าครองชีพอินเดียไม่แพงเลย ยิ่งออกนอกเมืองค่าอาหารเคยเจอมื้อนึงคนละ 15 บาท แทบช๊อคจนต้องให้ทิปเค้าไปเยอะๆ ยิ่งไปเยอะตัวหารยิ่งเยอะตาม เรื่องค่าใช้จ่ายเอาตามที่ตัวเองสะดวกดีกว่า อันนี้เปรียบเทียบกันยากเนอะ 🙂
เงินประจำชาติคือเงินอินเดียรูปี เทียบกับเงินไทยอยู่ที่ ~ 2 : 1 คิดง่ายๆเร็วๆ เอาเงินรูปีหารสองก็จะเท่ากับเงินบาท ราคาของในเลห์ส่วนใหญ่เป็นราคากลาง ค่าโรงแรมค่ารถเป็นเรทมาตรฐาน ส่วนค่าของฝากอื่นๆก็ต่อได้เลย ต่อได้ตามปกติ แต่ไม่ต้องต่อขนาดครึ่งนึงเหมือนนิวเดลีจ้ะ
แลกเงินที่ไหน เราก็เอาสะดวก superich สนามบินเลย แลกก่อนเดินทาง แต่ถ้าไปกันเยอะๆแลกจำนวนมากโทรไปจองเงินไว้ก่อนได้
ข้อควรรู้อื่นๆ
1.เนื่องจากที่เลห์ฝุ่นเยอะ รวมถึงสุขลักษณะต่างๆ ยังไม่ดีเท่าไหร่ เราควรเตรียมทิชชู่เปียก แอลกอฮอล์เจล ผ้าปิดปากหรือหน้ากากกันฝุ่น ไปด้วย หน้ากากนอกจากช่วยกันฝุ่นยังช่วยกันหนาวได้ด้วย แนะนำเอาไปหลายอันเลย เพราะวันแรกก็ฝุ่นติดจนเยินหมดแล้ว
2.แดดที่เลห์นั้นแรงแต่อากาศหนาวแห้ง ควรเตรียมหมวก เตรียมลิปมันไปทาปาก โลชั่นครีมไว้ทาหน้าทาตัวกันผิวลอกคราบ กันแดดห้ามขาด หนาวแต่แดดแรงเดี๋ยวจะตัวดำ แว่นกันแดดก็ไม่ควรขาดค่ะ
3.อากาศที่นั่นแห้ง เราควรดื่มน้ำ จิบน้ำบ่อยๆ กระป๋องน้ำแบบเก็บน้ำร้อนได้ นี่คือดีย์เบอร์ตอง เพราะการจิบน้ำอุ่นๆตอนหายใจไม่ออกแบบหนาวๆ นี่ช่วยได้มากเลย นอกจากหายหนาวแล้ว การจิบน้ำบ่อยๆยังทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นด้วย
4.อากาศหนาวๆ ถึงหนาวมากสำหรับคนเขตร้อนแบบพวกเรา เสื้อหนาวที่กันหนาวมากมากได้ ขนเป็ดขนห่าน ควรเตรียมไปสักตัวเป็นอย่างน้อยค่ะ ( ใส่ซ้ำยาวยาว) ลองจอน หมวก ถุงมือ ถุงเท้า อุปกรณ์ให้ครบค่ะ เพราะที่เลห์ที่พักจะไม่มีฮีสเตอร์ หรือผ้าห่มไฟฟ้าให้ มีแค่ถุงน้ำร้อนให้ อากาศหนาวแบบ -15 แปปแปปถุงน้ำร้อนกลายเป็นถุงน้ำเย็นแล้ว อิดอกก เพราะฉะนั้น เครื่องหนาวต้องพร้อมค่ะ

5.แผ่นแปะความร้อน ไว้แปะตามเสื้อผ้า / แปะเท้า / แบบกำมือ ช่วยชีวิตได้มาก เราสั่งที่ร้าน Blossom (ตามไปสั่งได้เลยค่ะ แม่ค้าใจดีมาก ) ช่วยได้มากเลย ไม่แพงด้วย ซื้อเตรียมไปเลยค่ะ แปะให้หมดทั้งร่าง เมิงหนาวแน่ ร้านมีชุดกันหนาวแซ่บๆให้เช่าด้วย เช่าไปเพิ่มเติมก็ได้ถูกกว่าซื้อใหม่ แถมได้ถ่ายรูปแบบแซ่บแซ่บด้วย

6.กระเป๋าแบ่งเสื้อผ้า เนื่องจากเราต้องเดินทางไปนอนที่อื่นด้วย ให้แบ่งสัมภาระใส่เป้ใบน้อยไป จะสะดวกในการเดินทางค่ะ รถเราจะได้มีพื้นที่ให้รังสรรค์ยืดขายืดแข้ง ( ที่พักเราคุณป้าแคนรูนให้วางของไว้ที่ห้องได้เลยค่ะ เลยสบายหน่อย หยิบๆ ขึ้นรถได้เลยไม่ต้องเก็บกระเป๋าบ่อย )
7.เราจะนั่งรถกันนานมาก มากกกกกแบบเบอร์แรง บนถนนที่ขรุขระ เพราะฉะนั้นเราจะใช้ชีวิตอยู่บนรถนานมาก หากิจกรรมทำส่วนตัวกันเองนะคะ ไพ่ / หนังสือ /เพลง / หมอนรองคอ ผ้าห่ม / เพลง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้ตัวเองนั่งรถได้สบายที่สุด ดูแลตัวเองนะคะ
8.กล้องถ่ายรูป แบตสำรอง เตรียมกันไปเองนะคะ อากาศหนาวๆ แบตจะเสื่อมได้เร็ว แบตหมดเร็วมากกกกกก ทุกอณูที่ผ่าน
9. altitude sickness อันตรายมาก อย่าฝีนตัวเอง ใครไม่มั่นจิ๋ม แนะนำกินยา diamox ไปก่อน 24-48 ชม. ก่อนเดินทางนะคะ แข็งแรง ออกกำลังกายบ่อย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นโรคนี้นะคะ ถ้าไม่เคยเดินทางสูงระดับนี้มาก่อน แนะนำว่าให้กินยาป้องกันค่ะ หรือเคยขึ้นที่สูงแบบนี้มาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าไปอีกจะไม่เป็นนะคะ เป็นโรคที่พูดยาก กินแล้วจะมีอาการข้างเคียงบ้างนิดหน่อย เช่น ลิ้นชา ปากเบิน ต่อมรับรสได้น้อยลง ซึ่งอาการข้างเคียงแล้วแต่ละคน มีอาการไม่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ดีกว่าป่วยแบบหัวจะแตกตาย อ้วกไม่หยุดแหละโน้ะ สรุปอีกที แดกยาด้วยค่ะ สำคัญสัส ( ยานี้อยู่ในควบคุมจะหาซื้อยากหน่อย หาตามร้านขายยาใหญ่ๆ)
10.บุหรี่ และแฮลกออล์อันตรายมาก สำหรับพื้นที่ที่อากาศบางขนาดนี้ แนะนำให้งดก่อนเป็นดีค่ะ แต่แอลกอฮอล์ก็หายากอยู่ มีเบียร์ตามร้านอาหารที่พอหาได้ แต่ถ้าในตลาด หรือนอกเมืองไปน้ำอัดลมยังหาไม่ได้เลยจ้า ชาเท่านั้น

11.ออกซิเจนกระป๋อง ซื้อติดรถไว้เลยจ้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิด หายใจไม่ออกเมื่อใดฉีดเข้าจมูกไปเลยจ้า ซื้อได้ตามร้านขายยาที่เลห์ หาซื้อง่ายไม่ต้องพกจากไทย ( แต่ร้านที่เลห์ปิดเร็ว รีบซื้อไว้ก่อนค่ำนะจ้ะ )
12.ด้วยความหนาวที่สามารถทำให้น้ำในขวดแข็งเป็นน้ำแข็งได้นั้น เราคิดว่าอาจจะไม่ได้อาบน้ำกันสักเท่าไหร่ สเปรย์ฉีดผมโดยไม่ต้องสระ ทิชชูเปียก เกงในเยอะๆ สเปรย์ต่างๆ น้ำหอม น่าจะช่วยชีวิตเพื่อนๆที่เดินทางกับเราได้ ฮ่าๆ ( เราไป 7 วัน อาบน้ำตั้งสองครั้งแน่ะ )
13.อินเตอร์เนตที่เลห์ หายากดั่งทอง ในเมืองเลห์ยังพอหาได้บ้าง แต่นอกพื้นที่นี่เงียบสนิท ไม่ต้องหวังเปิดโรมมิ่ง ไม่ต้องหวังซื้อซิมให้เปลืองเงิน บอกญาติพี่น้อง พ่อแม่ไว้ให้ดี จะได้ไม่มีใครเป็นห่วง
14.ประกันการเดินทาง เราว่าสำคัญมากมากเพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนค่ะคุณ สายการบินก็ดีเลย์บ่อย บินไม่ได้บ้าง ที่นั่งเต็มบ้าง อากาศแปรผันบ้าง หิมะตกปิดถนนเดินทางไม่ได้บ้าง ถ้าแจ๊คพอตอาจจะเจอเข้าสักอัน แต่เราโชคดีไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้เลย
15.ถ้าเลือดออกทางจมูก ไม่ต้องตกใจ นั่นเป็นอาการของคนที่หนาวจนเส้นเลือดฝอยแตกจ้า ร่างกายเมิงปรับตัวไม่ทันจ้า กลับมาไทยจะมีอาการต่อเนื่องอีกประมาณ 1 อาทิตย์ ไม่ต้องเขียนพินัยกรรมค่ะ ยังไม่ตาย

16.ยาอม ยาดม ยาหม่อง บ๊วย แอปเปิ้ล ช่วยบรรเทาอาการเมารถ ได้เป็นอย่างดี บอกแล้วว่านั่งรถนาน แถมถนนแต่ละเส้นเหมือนผ่าภูเขา
เที่ยวเลห์ให้สนุก อย่าลืมทานยา Altitude sickness นะจ้ะ
อยากให้ทุกคนเที่ยวเลห์อย่างปลอดภัย
อยากเจอเลห์ให้ครบฤดู
รักอินเดียตามไปอ่านอินเดียอีกหลายๆเวอร์ชั่นได้เลยจ้า
สิกขิม สวิสเซอร์แลนด์อินเดีย | ดาร์จีลิ่ง จิบชาชมหิมาลัย | Tajmahal สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เลห์ลาดักห์ตุลาคม ชมใบไม้เปลี่ยนสี |ไกด์บุคเที่ยวเลห์ลาดักห์ และการเตรียมตัว E Tourist Visa | รู้จักสนามบินอินเดีย
Leave a Reply